tripgether.com

ทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก

2,021 ครั้ง
23 ธ.ค. 2566

เวียดนาม ประเทศใกล้บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่โดดเด่น รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิภาค เวียดนามกลาง ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของใครหลายๆ คนที่อยากไปเยือนสักครั้ง โดยเฉพาะเมืองริมทะเลอย่างดานัง และฮอยอันเมืองมรดกโลก วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะพาทุกคนไปเที่ยว เก็บสถานที่แลนด์มาร์กพร้อมๆ กันกับ ทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก


ทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก

เวียดนามกลาง


Day 1: กรุงเทพฯ – ดานัง

เราเริ่มต้นกันที่สนามบินดอนเมืองกันตั้งแต่เช้า ซึ่งไฟลท์ที่เราเดินทางเป็นไฟลท์ 7 โมงเช้า เพื่อบินตรงจากกรุงเทพฯ ดอนเมือง – ดานัง

ใช้เวลาเดินทางได้ราวๆ 2 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงที่สนามบินดานังกันแล้ว รอกระเป๋าไม่นานเราก็เดินทางเข้าเมืองกันต่อ ซึ่งครั้งนี้เราจองรถผ่านแอปพลิเคชั่น klook ไว้แล้ว คนขับรถก็จะยืนถือป้ายที่มีชื่อเราอยู่ด้านหน้าสนามบินเลย

เดินทางเข้ามาถึงตัวเมทืองดานังแล้ว ก่อนลุยเที่ยว เราเอากระเป๋ามาฝากไว้ที่โรงแรม AVORA Hotel Danang ที่พักคืนแรกกันก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องเช็คอินตอนเวลา 14.00 น. แต่ทางโรงแรมก็สามารถให้เราฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้


คราฟต์ดราก้อน, ดานัง เวียดนาม

เก็บกระเป๋าเรียบร้อยก้ได้เวลาลุย ซึ่งการเดินทางตลอดทั้งทริปเราจะเดินทางด้วย Grab เป็นหลัก และต้องบอกเลยว่าที่นี่เรียก Grab ง่ายมากๆ แถมราคาไม่สูงอีกด้วย ที่แรกที่มาดานังแล้วต้องไม่พลาดนั่นก็คือ คราฟต์ดราก้อน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮาน ถือเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่เลยก็ว่าได้

ดานัง

คราฟต์ดราก้อน เป็นสัตว์ในตำนานของเวีดนาม มีลักษณะคือลำตัวเป็นปลา มีหัวเป็นมังกร รูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ สีขาว และจะพ่นน้ำออกมาจากปาก (แต่ช่วงที่เราไปฝนตกแทบจะทั้งวัน คราฟต์ดราก้อนเลยไม่ได้เปิดพ่นน้ำ) บริเวณรอบๆ คราฟต์ดราก้อน เป็นพื้นที่ริมแม่น้ำฮาน ที่เป็นทั้งจุดนั่งพักและจุดชมวิวเมืองดานังไปในตัว เหมาะกับการมาเดินเล่นหามุมถ่ายรูปมากๆ

เดินตามแนวทางเดินมาหน่อย เป็นระเบียงที่มีเสาไฟรูปหัวใจประดับอยู่ มุมนี้สามารถมองเห็นวิวของสะพานมังกรได้แบบเต็มๆ เฟรมเลย

คราฟต์ดราก้อน


Thìa Gỗ, ดานัง เวียดนาม

เดินเล่นกันไปพักใหญ่ก็ได้เวลามื้อกลางวัน มื้อแรกของทริปเรานั่ง Grab ไปที่ร้าน Thìa Gỗ ร้านอาหารเวียดนามต้นตำรับยอดนิยมที่ไม่ว่าใครมาดานังก็ต้องแวะมาฝากท้องให้ได้ ตัวร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากดราก้อนคราฟต์และสะพานมังกร เป็นอาคารหลังเล็กๆ แบบเปิดโล่ง มีที่นั่งให้เลือกทั้งที่นั่งที่โถงด้านนอกของร้านและด้านในตัวร้าน

มาทั้งทีก็ต้องลองเมนูไฮไลท์ของร้านสักหน่อย อย่าง บั๊ญแส่ว (Banh Xeo Thap Cam) ชิ้นใหญ่ เสิร์ฟมาแบบจัดเต็ม แป้งด้านนอกกรอบ หอมกำลังดี มีไส้รวมที่มีทั้งของทะเล เนื้อ หมู เสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มคล้ายๆ น้ำอาจาด และผัดหลากหลายชนิด ราคาอยู่ที่ 140,000 VDN เมนู Goi Cuon หรือปอเปี๊ยะสดเวียดนาม แป้งนุ่มๆ ที่พักเอาผักและกุ้งตัวใหญ่แบบแน่นๆ กินคู่กับน้ำจิ้มแบบเวียดนาม อร่อยมาก ราคาเพียง 60,000 VND และเมนุซดน้ำแบบร้อนๆ อย่าง Pha Lau Vit ที่เป็นเมนูซุปเป็ด มีรสชาติจัดจ้านแบบเวียดนาม ความเก๋คือสามารถปรุงรถได้ด้วยพริกสด และส้มจี๊ด เสิร์ฟคู่กับแป้งขนมปังเวียดนาม ราคา 150,000 VND

ดานัง

Thìa Gỗ

  • Location: ดานัง เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/6HeCC2P7Nh9DoXja7
  • Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น.

สะพานมังกร, ดานัง เวียดนาม

ออกจากร้าน Thìa Gỗ มาไม่ไกลก็ถึง สะพานมังกร แลนด์มาร์กอีกหนึ่งแห่งของดานัง ความสวยงามของสะพานแห่งนี้คือตัวมังกรสีทองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางของสะพาน โดยสะพานมังกรสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 38 ปีที่เมืองดานังได้ประกาศอิสรภาพ ซึ่งมุมถ่ายรูปยอดฮิตเลยก็คือมุมที่เป็นด้านหัวของมังกร

ดานัง

บนสะพานมีทางเดินเท้าที่กว้างและเดินได้แบบสบายๆ หายห่วงเรื่องการยืนโพสหามุมถ่ายรูปได้เลย สวยอลังการแบบสุดๆ แถมยังมองเห็นวิวแม่น้ำและเมืองดานังได้แบบพาโนรามาอีกด้วย

สะพานมังกร


เอเปค พาร์ค, ดานัง เวียดนาม

เดินข้ามสะพานมังกรมาเรื่อยๆ จนถึงอีกฝั่งจะเป็นที่ตั้งของ เอเปค พาร์ค (APEC Park)  สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮาน สร้างขึ้นเพื่อต้อนรับการจัดประชุม APEC ในปี 2017 ที่จัดขึ้นที่เวียดนาม โดยพื้นที่ของสวนร่มรื่น มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ รวมทั้งมีสถาปัตยกรรมที่สื่อถึงความเป็น APEC

ไฮไลท์ของ เอเปค พาร์ค คือโดมที่ตั้งอยู่กลางสวน ที่มีลักษณะเป็นโดมตาข่ายสีขาวขนาดใหญ่ท่ามกลางความกรีนของสวน ภายในโดมมีที่นั่งอยู่รอบๆ เหมาะกับการมานั่งเล่น ปล่อยใจสบายๆ ในวันที่อากาศสดใสมากๆ

ไหนๆ มาแล้ว ก็ต้องหามุมถ่ายรูปไว้อัปลงโซเชียลกันสักหน่อย บอกเลยว่าจะโพสท่าไหน มุมไหนก็สวยชิคสุดๆ

ดานัง

เอเปค พาร์ค


Cộng Cà Phê, ดานัง เวียดนาม

แวะนั่งกพักกันสักหน่อยด้วยการดื่มกาแฟสักแก้ว เราข้ามฝั่งแม่น้ำฮานมาเช็คอิน Cộng Cà Phê คาเฟ่สุดชิคที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยการตกแต่งในคอนเซ็ปต์ทหารในสงครามเวียดนาม ที่การันตีความอร่อยและความดังด้วยสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศเวียดนาม บรรยากาศภายในร้าน Cộng Cà Phê ดานัง ให้ความรู้สึกแบบเคร่งขรึมมากๆ มองไปทางไหนก็ให้กลิ่นอายแบบยุคสงครามจริงๆ

เมนูของทางร้านจะเน้นเป็นเมนูกาแฟฉบับเวียดนามที่รับรองเลยว่าถ้าใครมาครั้งแรกต้องเซอร์ไพรส์แน่นอน เพราะแต่ละเมนูเราแทบไม่เคยเห็นและรู้จักเลย แต่ไหนๆ ได้มาทั้งทีก็ต้องลองสั่งเมนูที่เป็นซกเนเจอร์ของร้านหน่อยอย่าง Brown Coffee (Nau Pho) หรือกาแฟสีน้ำตาลที่ผสมผสานความเข้มข้นของกาแฟกับความหวานมันของนมข้น เมื่อคนให้เข้ากันแล้ว ทั้งแก้วก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล ราคาแก้วละ 45,000 VND และ Ca Phe Pho Kem Kem + Huong Duong เมนูกาแฟที่หอมกลิ่นเครื่องเทศ มีครีมนุ่มๆ ตัดความเข้ม เสิร์ฟคู่กับเมล็ดทานตะวัน (ซึ่งคนที่นี่นิยมกินกาแฟกับเมล็ดทานตะวัน) ราคาอยู่ที่ 59,000 VND

Cộng Cà Phê


วัดหลินอึ๋ง, ดานัง เวียดนาม

แวะพักรอฝนซาแล้ว เราก็เรียก Grab ไปเที่ยวที่ วัดหลินอึ๋ง (Linh Ứng) กันต่อ โดยวัดแห่งนี้จะตั้งอยู่บนเกาะเซินตราที่อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังออกไปเล็กน้อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้คือนอกจากจะตั้งอยู่บนเนินเขาแล้ว ยังมีเจ้าแม่กวนอิมสีขาวองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านหันออกสู่ท้องทะเลอีกด้วย โดยเชื่อกันว่าหากได้มาขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ในด้านสุขภาพ การงาน และการเงิน รวมทั้งการขอบุตร ก็จะได้สมปรารถนาดังที่หวัง

ใต้ฐานของเจ้าแม่กวนอิมเป็นวิหารขนาดเล็กที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป พระอรหันต์ และเจ้าแม่กวนอิม

ด้านหน้ายังเป็นที่ตั้งของพระสังกัจจายบนฐานดอกบัวที่มีมังกรพันล้อมรอบ พร้อมกับสวนไม้ดัดแบบจีน และรูปปั้นของพระอรหันต์หลายองค์

ด้านหน้าของเจ้าแม่กวนอิม เป็นซุ้มประตูศิลปะแบบจีนขนาดใหญ่ พร้อมกับขั้นบันไดที่มีรูปปั้นมังกรอยู่โดยรอบ เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่สวยงามมากๆ

ดานัง

วัดหลินอึ๋ง

  • Location: ดานัง เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/w1v9xYM4K2mjzenZ6
  • Open-Close: เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.00 – 19.00 น.

ตลาดเซินตร่า, ดานัง เวียดนาม

ฟ้าเริ่มมืด เรานั่ง Grab กลับเข้ามาในเมืองดานัง เพื่อมาหาของกินกันใน ตลาดเซินตร่า (Son Tra Night Market) ตลาดกลางคืนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสตรีทฟู้ดแบบสุดๆ เพราะนอกจากจะสดใหม่ ตัวใหญ่ ไซส์ยักษ์แล้ว ราคายังเป็นมิตรจนน่าตกใจมากๆ

มีทั้งกุ้งมังกร หมึก หอยหลากหลายชนิด ทั้งให้เลือกแบบเป็นเซ็ทต้มยำ ขายแยก หรือจะเป็นแบบเสียบไม้ปิ้งย่างก็มีให้เลือกเพียบ สายซีฟู้ดต้องเลิฟชัวร์ๆ

เดินซื้อ เดินหาของกินกันแบบเพลินๆ จนรู้ตัวอีกทีก็นั่งกินไปหลายร้าน ทั้งของปิ้งย่าง ของทะเล น้ำปั่น รวมๆ แล้ว มื้อเย็นนี้เราหมดไปคนละ 150,000 VND เท่านั้น คุ้มมากๆ

นอกจากส่วนของสตรีทฟู้ดแล้ว ภายในตลาดยังมีสินค้าอื่นๆ วางขายอีกเพียบ ทั้งของกินเล่น อาหารแปรรูป เสื้อผ้า ของฝากต่างๆ เดินได้แบบเพลินๆ เลย

ตลาดเซินตร่า


สะพานมังกร (ตอนกลางคืน)

ด้วยความที่ตลาดเซินตร่าอยู่ใกล้กับสะพานมังกร เราเลยเลือกที่จะเดินกลับที่พัก เพื่อเป็นการผ่อนคลายและชมบรรยากาศสะพานและเมืองดานังช่วงกลางคืนไปด้วยในตัว

ดานัง

ในช่วงกลางคืนตัวมังกรจะประดับไฟแบบอลังการแถมยังเปลี่ยนสีไฟไปเรื่อยๆ ตอนกลางวันว่าสวยแล้ว ตอนกลางคืนสวยฉ่ำกว่ามากๆ แถมวิวรอบๆ ยังมีไฟประดับประดาอยู่ตามริมแม่น้ำเลย เหมือนได้มางานไฟไม่มีผิด


เดินเล่นมาเรื่อยๆ ก็มาถึงที่พักในคืนแรกของเรา นั่นก็คือ AVORA Hotel Danang เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกับถนนเลียบแม่น้ำฮาน ง่ายต่อการเดินทางและอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวในดานัง และห้องที่เราที่พักคือห้อง Superior Double Room ที่เป็นห้องใหญ่ 25 ตารางเมตร เตียงแบบควีนไซส์ นอน 2 คนได้แบบสบายๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งทีวี เก้าอี้โซฟา ตู้เซฟ ฯลฯ

ในส่วนของห้องน้ำแบ่งสัดส่วนไว้ได้อย่างลงตัว มีตู้อาบน้ำพร้อมฝักบัวให้เลือกถึง 2 แบบ  รวมทั้งอ่างล้างมือที่มีเครื่องใช้จัดไว้ให้พร้อม

AVORA Hotel Danang

  • Location: ดานัง เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/cKZRuJhzTTcXAP9x8
  • Price: ห้อง Superior Double Room ราคา 1,248 บาท/คืน (ราคานี้เป็นราคาสุทธิจากการจองผ่านเว็บไซต์จองห้องพัก) **ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาสอบถามล่วงหน้าอีกครั้ง
  • Facebook: AVORA Hotel Danang 

Day 2

เช้าวันที่ 2 เราเก็บกระเป๋าแล้วมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่เน้นเป็นอาหารเวียดนามและอาหารแบบ American Breakfast

เติมพลังกันแล้วก็ได้เวลาเที่ยวกันต่อ จุดหมายของเราในวันนี้ก็คือ บานาฮิลล์ อีกหนึ่งที่เที่ยวสุดฮิตของดานังที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง วิธีการเดินทางของเราคือการนั่ง Grab เหมือนเช่นเคย ซึ่งราคาที่เราได้อยู่ที่ 330,000 VND เพราะบานาฮิลล์จะอยู่ห่างจากเมืองดานังไปเกือบๆ ชั่วโมงเลย แถมในวันที่เราไปเจอฝนถล่มแทบจะทั้งเลยอีกต่างหาก


บานาฮิลล์, ดานัง เวียดนาม

มาถึงบานาฮิลล์แล้ว แต่ความพิเศษของทริปเราก็คือ คืนนี้เราจะนอนค้างกันที่นี่เลย ดังนั้นการเข้ามาติดต่อต้องมาที่หน้าฟรอนท์ของโรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills ซึ่งจะอยู่คนละส่วนกับจุดจำหน่ายตั๋วขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (คนขับ Grab จะถามเราก่อนเดินทางว่าให้ไปส่งตรงไหน เราสามารถแจ้งได้เลยว่ามาที่ โรงแรม Mercure)

เมื่อมาถึงที่หน้าล็อบบี้แล้ว เราก็แสดงหน้าการจองห้องพัก พร้อมกับ passport ได้เลย และส่วนที่เราต้องซื้อเพิ่มคือแพ็คเกจการใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าขึ้น – ลง ซึ่งรวมมากับค่าเครื่องเล่นและค่าเข้าชมส่วนต่างๆ บนบานาฮิลล์ ราคาอยู่ที่คนละ 600,000 VND (ซึ่งเป็นราคาพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าพักกับทางโรงแรม แนะนำให้ไปซื้อที่หน้าล็อบบี้จะได้ราคาที่ถูกกว่าซื้อผ่านทางออนไลน์) และตอนชำระเงินเราต้องจ่ายค่ามัดจำเพิ่มเติมด้วย ซึ่งเราไปกัน 2 คน ยอดรวมเป็น 1,200,000 VND + ค่ามัดจำ 1,000,000 VND (ซึ่งทางโรงแรมจะคืนให้หลังจากที่เราเช็คเอาท์แล้ว)

เช็คอินเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะพาเราไปขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปที่จุดขึ้นกระเช้า (ซึ่งจริงๆ ผู้ที่เข้าพักกับทางโรงแรมสามารถขึ้นที่ล็อบบี้ได้เลย แต่ด้วยความที่ช่วงที่เราไปไลน์กระเช้าตรงจุดนี้ปิดซ่อมแซม ทางโรงแรมเลยให้ใช้จุดร่วมกับนักท่องเที่ยวทั่วไป) ถึงคนจะเยอะ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะสำหรับคนที่เข้าพักกับทางโรงแรมจะมีช่องทางเดินพิเศษให้ ไม่ต้องรอคิวเลย สะดวกมากๆ

กระเช้าเคเบิลไฟฟ้าของบานาฮิลล์ เป็นกระเช้ากระจกใสขนาดใหญ่ที่รองรับคนได้มากถึง 8 คน และระหว่างทางที่ขึ้นไปบนเขานั้นจะผ่านแนวเขาหลายลูกตามระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยจะใช้เวลาราวๆ 20 นาที จากด้านล่างไปจนถึงบนหมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) ที่เป็นจุดสูงสุดของบานาฮิลล์ แถมกระเช้าของที่นี่ยังเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่มีระยะทางยาวที่สุดในโลก (5,042 เมตร) และสูงที่สุดในโลก (1,368 เมตร) อีกด้วย

ระหว่างทางนั่งสวยๆ แล้วถ่ายรูปได้เพียบเลย แต่แอบน่าเสียดายนิดหน่อย เพราะวันที่เราไปฝนไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเลย

นั่งมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้านฝรั่งเศสแล้ว จะมีพนักงานรอรับและอำนวยความสะดวกเรื่องกระเป๋าให้ ซึ่งพนักงานจะพาเราไปที่ล็อบบี้เพื่อเช็คอินและฝากกระเป๋า เพื่อรอห้องพักว่างในช่วง 14.00 น.

ระหว่างนั้นเราสามารถไปเดินเล่นหามุมถ่ายรูป หาร้านอาหารนั่งกินได้แบบเรื่อยๆ เลย

ดานัง

ในส่วนของหมู่บ้านฝรั่งเศสของบานาฮิลล์จะตกแต่งและจำลองบรรยากาศเหมือนยกเอาฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่แบบเต็มร้อย เพราะทั่วทั้งพื่นที่ไม่ว่าจะเป็นอาคาร ร้านอาหาร สวน รวมไปถึงตามแนวทางเดิน เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสล้วนๆ แถมอากาศยังเย็นอยู่ตลอดทั้งปีเลยด้วย ให้ฟีลเหมือนมาเที่ยวยุโรปไม่มีผิด

เดินเล่นได้สักพัก ท้องก็หิวพอดี ซึ่งภายในหมู่บ้านฝรั่งเศสมีร้านอาหารให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งอาหารเวียดนาม เบอร์เกอร์ ไก่ทอด ไปจนถึงร้านอาหารแบบอิตาเลียน และไหนๆ ก็มาที่เที่ยวฟีลยุโรปทั้งที เพื่อจะให้เข้าตีมก็ต้องเข้าร้านพิซซ่าไปเลย

เมนูที่เราสั่งมาเป็น BBQ Chicken Pizza ที่เสิร์ฟมาแบบไซส์ใหญ่จัดเต็ม ราคา 220,000 VND เมนู Mariana Pasta พาสต้าทะเลสุดกลมกล่อม พร้อมกุ้ง หมึกแบบอลังการ ราคาจานละ 250,000 VND และมีเครื่องดื่มผลไม้เติมความสดชื่นอย่างน้ำส้มคั้นแบบสดใหม่ แก้วละ 75,000 VND และน้ำแตงโมที่หวานกำลังดี 70,000 VND

พักกินข้าวเติมพลังกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินเที่ยวกันต่อ โดยช่วงบ่ายเรามาขึ้นรถรางที่ให้ฟีลเหมือนนั่งรถเข้าสู่โลกเวทย์มนตร์ ลัดเลาะตามแนวเขา เข้าสู่พื้นที่ที่เป็นโรงหนังแบบสามมิติของบานาฮิลล์ ภายในกว้างขวาง มีมุมถ่ายรูปเพียบ แถมยังให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในปราสาทแห่งเทพนิยายแบบสุดๆ

เดินเล่น สลับกับหลบฝนจนเวลามาถึงช่วงเย็น เราก็กลับไปที่ล็อบบี้ด้านหน้าเพื่อเช็คอินเข้าห้อง ซึ่งห้องพักของ Mercure Danang French Village Bana Hills จะไม่ได้มีเพียงตึกเดียว แต่จะกระจายอยู่ตามตึกต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้านฝรั่งเศส และแต่ละตึกก็มีชื่อตามแคว้นในฝรั่งเศส หลังจากเช็คอินแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะยกกระเป๋าและนำทางเราไปยังห้องพัก บริการทุกระดับประทับใจมากๆ

ห้องพักของเราในคืนนี้เรียกได้ว่ากว้างขวาง มาพร้อมกับการตกแต่งที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นยุโรปได้อย่างดี แถมยังมีเฟอร์นิเจอร์ฟีลหรูหราครบ ทั้งเตียง เก้าอี้ริมหน้าต่าง ผ้าม่าน ตู้เสื้อผ้า ไปจนถึงฮีตเตอร์ ด้วยความที่บนนี้อากาศในช่วงกลางคืนจะค่อนข้างหนาว

ห้องน้ำมีโต๊ะเครื่องแป้งและอ่างล้างมือ พร้อมกระจกบานใหญ่ ในส่วนของห้องน้ำแบ่งเป็นโซนแห้งและเปียกแยกห้องกัน สะดวกสบายแบบสุดๆ

นั่งพักจนฟ้ามืด และระหว่างที่กำลังจะออกไปหามื้อเย็นกิน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักอีกรอบ เราเลยเลือกร้านที่อยู่ใกล้กับห้องพักที่สุด ซึ่งเป็นร้าน BBQ ที่มีให้เลือกหลายอย่าง ซึ่งเราสั่งเป็น BBQ ไก่ที่เสิร์ฟมาแบบจัดเต็ม เนื้อไก่สุดนุ่ม มีสลัด ซอส BBQ และขนมปังกรอบ ราคาอยู่ที่ 120,000 VND ส่วนอีกไม้เป็นเนื้อจระเข้ที่ทางร้านการันตีความอร่อย เสิร์ฟมาคู่กับซอส BBQ และกิมจิ ราคาไม้ละ 160,000 VND พอได้ลองชิมแล้ว อร่อยเหาะมากๆ เข้ากันได้ดีกับเครื่องเคียงสุดๆ

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี เราเลยออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศแสงสียามค่ำคืน บอกเลยว่ามู้ดดีมากๆ แถมยังมีหมอกลงมาปกคลุมด้วย ให้ความรู้สึกสวยไปอีกแบบ

Mercure Danang French Village Bana Hills

  • Location: ดานัง เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/49odhUnUkKdseXf48
  • Price: ห้อง Superior Room ราคา 4,057 บาท/คืน (ราคานี้เป็นราคาสุทธิจากการจองผ่านเว็บไซต์จองห้องพัก) **ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาสอบถามล่วงหน้าอีกครั้ง
  • Facebook: Mercure Danang French Village Bana Hills

Day 3: บานาฮิลล์ – ฮอยอัน

เช้าวันที่ 3 ตื่นมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารของที่นี่เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่มีทั้งอาหารเวียดนาม อาหารนานาชาติ ไปจนถึงเบเกอรี เครื่องดื่ม และผลไม้หลากหลายนิดให้เลือกกันแบบไม่อั้น

มื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงมายังจุดอลนด์มาร์กอีกแห่งของบานาฮิลล์และเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังของดานังอย่าง โกลด์เด้นบริดจ์ (Golden Bridge) เพราะในช่วงเช้านักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาโกลด์เด้นบริดจ์ ยังมีไม่มาก และถือเป็นข้อดีของการที่เราพักบนบานาฮิลล์ด้วย

นั่งกระเช้าลงมาไม่นานก็มาถึงแล้ว ด้วยความที่มีฝนตกลงมาเบาๆ เลยทำให้เช้าวันนี้มองไม่เห็นวิวภูเขา มีเพียงสายหมอกและละอองน้ำเบาๆ ที่ปกคลุมอยู่ แต่ภาพที่ได้ก็สวยฉ่ำไม่แพ้ในวันที่อากาศดีเลย

ความโดดเด่นของโกลด์เด้นบริดจ์ คือสะพานสีทองที่ยื่นออกไปเหนือเนินเขาสูง มีมือยักษ์ 2 ข้างยื่นออกมารับแนวสะพานไว้ และไม่ว่าจะเดินเล่น ถ่ายรูปมุมไหน ก็สวยไปทั้งหมด นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีสวนดอกไม้และมุมถ่ายรูปอื่นๆ ให้เดินชมอีกเพียบ

ดานัง

ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันเป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศสที่วางผังของสวนได้แบบสวยอลังการมากๆ

ดานัง

ถ่ายรูปด้านล่างกับโกลด์เด้นบริดจ์กันจนอิ่มหนำแล้ว เรากลับขึ้นมาที่หมู่บ้านฝรั่งเศสเพื่อมาตามเก็บมุมถ่ายรูปอื่นๆ กันต่อ เพราะเวลายังเหลืออีกมากก่อนจะเช็คเอาท์ตอน 10.30 น.

ไฮไลท์อีกจุดของบานาฮิลล์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ โบสถ์เซนต์ เดนิส (Saint Denis) ที่จำลองความเป็นโบสถ์สไตล์กอธิคจากวิหารนอทรเทอดามแห่งปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาไว้ที่นี่ด้วย แถมด้านในยังสามารถเข้าไปนั่งและเดินถ่ายรูปได้

ดานัง

นอกจากนี้ยังมีมุมอื่นๆ ให้เดินถ่ายรูปได้แบบเพลินๆ เลย

เก็บกระเป๋า เช็คเอาท์กันแล้ว ก็นั่งกระเช้าไฟฟ้าลงมาด้านล่าง เพื่อมารอ Grab ไปเที่ยวกันต่อ ซึ่งสถานที่ในวันที่ 3 – 4 ของทริปเราก็คือเมืองมรดกโลกอย่าง ฮอยอัน ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเมืองดานังเลย


An Hoi Town Homestay, ฮอยอัน เวียดนาม

นั่งรถมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็เดินทางมาถึงที่พักของเราในฮอยอัน นั่นก็คือ An Hoi Town Homestay โฮมสเตย์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตเมืองมรดกโลก บรรยากาศเต็มไปด้วยความร่มรื่นและความสงบ แถมเจ้าของยังน่ารักเป็นกันเองแบบสุดๆ อยากได้ข้อมูลอะไรก็ถามได้เลย แถมยังแนะนำเมนูอาหาร กิจกรรมที่มาฮอยอันแล้วต้องลองให้กับเราด้วย

ห้องพักของเราอยู่ที่ชั้น 2 เป็นห้องขนาดกำลังดี มีเตียง 5 ฟุต นอน 2 คนได้แบบสบายๆ พร้อมกับที่นั่ง ทีวี ตู้เสื้อผ้ามาให้ครบ แถมในส่วนของห้องน้ำยังกว้างขวาง เรียกได้ว่าถึงจะเป็นโฮมสเตย์แต่สะดวกสบายเหมือนได้นอนโรงแรมเลยทีเดียว

An Hoi Town Homestay

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/Qfth8FprthjMN2CKA
  • Price: ราคาห้องพัก 533 บาท/คืน (ราคานี้เป็นราคาสุทธิจากการจองผ่านเว็บไซต์จองห้องพัก) **ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาสอบถามล่วงหน้าอีกครั้ง
  • Facebook: An Hoi Town Homestay 

ฮอยอัน, เวียดนาม

นั่งพักเก็บประเป๋าแล้ว ก็เดินออกมาเที่ยวกันต่อ จากโฮมสเตย์เดินมายังเขตเมืองมรดกโลกฮอยอันใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นเอง ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าไปในเขตเมืองเก่า เราจะต้องมาซื้อบัตรเข้าพื้นที่กันก่อน โดยราคาจะอยู่ที่คนละ 120,000 VND สามารถใช้ได้ 2 วันแบบไม่มีจำกัด และบัตรนี้สามารถใช้เข้าชมโบราณสถานในเขตเมืองเก่าได้ทั้งหมดเลย

ฮอยอัน เป็นเมืองมรดกโลกของเวียดนามที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ด้วยความเป็นเอกลักาณืของอาคารและตึกที่มีสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส มีความเป็นยุโรปในกลิ่นอายของความเป็นเอเชียน คุมโทนด้วยสีเหลืองแบบมัสตาร์ด ตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำทูโบนที่ไหลผ่านด้านหน้าเขตเมืองเก่า บอกเลยว่าแค่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วมองเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิกแบบสุดๆ

ฮอยอัน

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/X1ZLZBbBBWo7Fd3P6
  • Price: ค่าเข้าชมเขตเมืองเก่า 120,000 VND/คน/2 วัน

Faifo Coffee, ฮอยอัน เวียดนาม

เดินข้ามฝั่งเข้ามาในพื้นที่เขตเมืองเก่าแล้ว ก็ตรงมาที่ร้าน Faifo Coffee กันเลย เป็นคาเฟ่สุดฮิตที่ตั้งอยู่ในเมืองฮอยอัน ตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามเองและชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาเช็คอินกันแบบคึกคัก

ตัวร้านยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นตึกเก่าแก่สีมัสตาร์ดฉบับฮอยอันไว้ครบถ้วน ด้านในตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นแรกและชั้นที่ 2 จะเป็นแบบโอเพ่นแอร์ทั้งหมด มีที่นั่งให้เลือกหลายมุม แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือชั้น 3 ที่เป็นส่วนของดาดฟ้า ที่มีที่นั่งให้เลือกพร้อมกับภาพวิวเมืองฮอยอันแบบพาโนรามา แต่ด้วยความที่ช่วงแรกที่เราไป ชั้น 3 คนแน่นมาก เราเลยสั่งเมนูมานั่งที่ชั้น 2 กันก่อน

เมนูที่เราสั่งมาลองชิมก็คือ Faifo Special เป็นเมนูกาแฟเวียดนามแบบต้นตำรับ หวานกลมกล่อมกำลังดี เพิ่มความอร่อยด้วยครีมชีสสูตรเฉพาะของทางร้าน แก้วละ 65,000 VND และเมนู Anh – The Sunshine เมนูกาแฟฉบับเวียดนามที่มีความพิเสษคือเพิ่มความกลมกล่อมด้วยครีมชีสที่นำไปตีกับไข่ ราคาแก้วละ 55,000 VND

นั่งกินเครื่องดื่มได้สักพัก ก็ได้เวลาขึ้นไปถ่ายรูปกับมุมฮิตของร้านแล้ว ซึ่งตอนเราขึ้นไปก็ยังคงมีคนรอต่อคิวถ่ายรูปกันอยู่ เลยต้องรอสักพัก และเมื่อถึงคิวเรา พอได้ไปยืนตรงมุมไฮไลท์นอกจากภาพจะสวยมากๆ แล้ว ยังมองเห็นวิวเมืองฮอยอันได้แบบชัดแจ๋วมาก หลังคาและรูปทรงตึกมีลักษณะเหมือนกันแทบจะทั้งหมด อีกทั้งยังมองเห็นความคึกคัก ชีวิตชีวาของเมืองได้อีกด้วย

ฮอยอัน


ออกจากร้านแล้วมาเดินเล่นชมบรรยากาศความสวยงามของเมืองเก่าฮอยอันกันต่อ และไหนๆ ก็มาแล้วต้องเข้าตีมความเป็นเวียดนามสักหน่อย ก็เลยแวะซื้อหมวกแบบเวียดนามตามร้านที่ขาย ราคาที่ได้มา (คิดว่าน่าจะเป็นราคานักท่องเที่ยว) ใบละ 100,000 VND ใส่เดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกได้เข้ากันมาก

ตลอดถนนไปจนถึงซอกซอยต่างๆ สวยแบบไม่ซ้ำใครจริงๆ อาคารแต่ละหลังจะมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมสลับกับการประดับโคมที่สัญลักษณ์ของฮอยอัน มองไปทางไหนก็คัลเลอร์ฟูล ถ่ายรูปสวยทุกมุมเมือง

ฮอยอัน


Madam Kieu Vietnamese Restaurant, ฮอยอัน เวียดนาม

เดินเล่นจนฟ้าเริ่มมืด ได้เวลามื้อเย็น เรข้ามมาฝั่งตรงข้ามเขตเมืองเก่า เพื่อมาฝากท้องกันที่ร้าน Madam Kieu Vietnamese Restaurant ร้านอาหารเวียดนามขนานแท้ โลเคชั่นดีที่ตั้งอยู่ติดกับถนนคนเดินเลย ตัวร้านคล้ายๆ กับบาร์ เป็นแบบเปิดโล่ง และมาพร้อมบรรยากาศที่เข้ากับบรรยากาศของฮอยอันได้เป็นอย่างดี

มุมเด็ดของร้านเลยก็คือบริเวณบาร์ชั้น 2 ที่หันหน้าไปทางแม่น้ำทูโบนและเมืองเก่าฮอยอัน ยิ่งในช่วงกลางคืนแสงสีในแม่น้ำและฝั่งโน้นคือสวยฉ่ำอลังการมากๆ

ฮอยอัน

มาฮอยอันทั้งทีต้องจัดเมนูแบบฉบับฮอยอัน อย่าง บาร์บีคิวฮอยอัน (Hoi An Barbecue Pork) ที่เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงแบบจัดเต็ม มีความคล้ายกับแหนมเนือง แต่หมูจะผ่านการย่างจนหอม รสชาติเข้มข้น ส่วนแผ่นแป้งมีทั้งแป้งแบบนุ่มและแป้งแบบแข็ง สามารถกินได้ทั้ง 2 แบบเลย ราคาชุดละ 180,000 VND และเมนูเพื่อสุขภาพอย่าง ยำหัวปลี (Goi Hoa Chuoi Chay) ที่รสชาติไม่จัดมาก เน้นความกลมกล่อม โรยด้วยเต้าหู้ทอดที่ซอยเป็นแผ่น ถั่วลิสง พร้อมกับข้าวเกรียบ ราคาอยู่ที่ 90,000 VND

Madam Kieu Vietnamese Restaurant


ถนนคนเดินฮอยอัน, ฮอยอัน เวียดนาม

ออกจากร้านอาหารมาเดินเที่ยวกันต่อในถนนคนเดินฮอยอัน (Hoi An Night Market) แหล่งเดินเล่น ช้อปปิ้ง และหาของกินยามค่ำคืนที่คึกคักแบบสุดๆ โดยตลาดนี้จะเริ่มตั้งกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่เริ่มมืดในช่วง 16.00 น. แล้วยาวไปจนถึงเวลา 22.00 น. ร้านค้าต่างๆ มีทั้งของฝาก เสื้อผ้า รวมไปถึงอาหารแบบสตรีทฟู้ดที่มีให้เลือกเพียบ แถมตลอดทางยังมีร้านและบาร์ให้นั่งชิลล์ๆ อีกด้วย

หนึ่งในไฮไลท์ของถนนคนเดินก็คือร้านถ่ายรูปโคมไฟ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตของฮอยอันที่มาแล้วไม่ควรพลาด ซึ่งจะมีให้เลือกอยู่หลายร้าน แต่ละร้านจะตกแต่งคล้ายๆ กัน อาจจะแตกต่างกันด้านการจัดวางโคมและมิติความลึกของการจัดวางโคม เราก็เดินเลือกอยู่สักพักเลยได้ร้านมาหนึ่งร้าน (คิดว่าน่าจะถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด เป็นร้านที่ 3 นับจากร้านแรกด้านต้นถนนคนเดิน) ราคาอยู่ที่ 10,000 VND/คน ถ่ายได้แบบไม่อั้นเลย

ฮอยอัน

ถนนคนเดินฮอยอัน

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/dYuJ45uJWuwrA5gVA
  • Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 16.00 – 22.00 น.

Day 4: ฮอยอัน

Old House of Tan Ky

วันที่ 4 เราตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้เวลาเก็บที่เที่ยวและซึมซับความสวยงามของฮอยอันกันแบบเน้นๆ และแน่นอนว่าเราสามารถใช้บัตรที่ซื้อเมื่อวานผ่านเข้าไปในเขตเมืองเก่าได้เลย โดยสถานที่แรกของวันก็คือบ้านเลขที่ 101 ของฮอยอัน ซึ่งในปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม นั่นก็คือ Old House of Tan Ky

การเข้าชมด้านในต้องใช้บัตรเข้าเมืองเก่าด้วย โดย Old House of Tan Ky เป็นบ้านที่นับว่ามีความเก่าแก่และสวยงามที่สุดของฮอยอัน ซึ่งใช้อยู่อาศัยมาแล้วกว่า 5 รุ่น ภายในแบ่งเป็นห้องส่วนต่างๆ ทั้งห้องรับแขก ห้องนอน ลานกว้างกลางบ้านและบ่อน้ำ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

Old House of Tan Ky

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/XF69EWTDjXAk4Zk97
  • Price: ไม่เสียค่าเข้าชม (ใช้บัตรเข้าเขตเมืองเก่าในการเข้าชม)
  • Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.

Cộng Cà Phê, ฮอยอัน เวียดนาม

เช้าๆ แบบนี้ต้องกาแฟสักแก้ว เดินเลียบริมแม่น้ำทูโบนมาเรื่อยๆ จะเจอกับร้าน Cộng Cà Phê คาเฟ่ร้านเดียวกับที่เราไปที่ดานัง ซึ่งสาขาที่ฮอยอันก็จะตกแต่งสไตล์ทหารและสงครามเหมือนกัน แต่บรรยากาศและเครื่องใช้ต่างๆ จะสื่อถึงความเป็นฮอยอันด้วยไปในตัว ทั้งอาคารสีเหลือง เก้าอี้ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ

ฮอยอัน

รอบนี้เราสั่งเป็นเมนู coconut coffee เมนูกาแฟมะพร้าวที่แตกต่างจากบ้านเรา เพราะเป็นมะพร้าวที่ผสมกับนมมาแล้ว มีความหอม มัน หวานกำลังดี ตัดกับรสชาติเข้มของกาแหได้อย่างลงตัว แก้วละ 65,000 VND

มุมหน้าต่างของร้านคือฟีลดีมากๆ โทนสีมัสตาร์ดแบบฮอยอัน มีสีเขียวอ่อนๆ ของความเก่าแก่

Cộng Cà Phê ฮอยอัน


วัดขงจื๊อ, ฮอยอัน เวียดนาม

เติมกาแฟกันแล้ว เดินมาเที่ยวกันต่อที่วัดขงจื๊อ (Confucius Temple) วัดเก่าแก่อีกแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตเมืองเก่าฮอยอัน เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงขงจื๊อ ปราชญ์คนสำคัญของจีน และเพื่อเป็นสื่อถึงความรู้และการเรียนรู้ ซึ่งความโดดเด่นของที่นี่คือมีประติมากรรมที่สวยงาม โดยจะเน้นใช้กระเบื้องหลายชิ้นมาประกอบกันเป็นภาพสัตว์ในตำนานและลวดลายต่างๆ อย่างดอกไม้และลวดลายแบบจีน

ฮอยอัน

ระหว่างเดินเข้าสู่ในวิหารของวัด ต้องผ่านสะพานเล็กๆ ที่ข้ามเหนือสระบัวของวัด ในส่วนของวิหารเป็นศิลปะแบบท้องถิ่น เปิดโล่ง มีประติมากรรมที่สวยงามทั้งมังกรสองข้างบันได เสา ช่องลมเหนือบานประตู ซึ่งวิหารจะแบ่งเป็น 2 โถงหลักคือโถงใหญ่ด้านหน้าที่เป็นจุดวางแท่นบูชาและโถงเล็กด้านในที่เชื่อมกันเป็นที่ตั้งของรูปเคารพขงจื๊อที่มีภาพสลักหินอยู่เป็นฉากหลัง

ฮอยอัน

นอกจากนี้ยังมีวิหารเก่าแก่ที่อยู่ด้านหลังอีก 2 -3 หลัง แต่ทางวัดไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่เราสามารถเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆ วัดได้ บอกเลยว่าได้ภาพสวยๆ เพียบ!

วัดขงจื๊อ


ประตูวัดโบราณ, ฮอยอัน เวียดนาม

มาเที่ยวกันต่อกับอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กของฮอยอัน อย่าง ประตูวัดโบราณ (Ba Mu Temple Gate) สถานที่เก่าแก่ที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวชม โดยประตูวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮอยอัน มีอายุหลายร้อยปี สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเวียดนามคลาสสิก แต่ได้รับความเสียหายในช่วงสงคราม จึงทำให้ในปัจจุบันส่วนของวัดเหลือเพียงแค่กำแพงด้านหน้าและประตูวัด

ระหว่างกลางของบานประตูด้านซ้ายขวาเป็นกำแพงที่มีลักษณะเป็นช่องวงกลม พร้อมกับประติมากรรมลวดลายต่างๆ ด้านหน้าเป็นสระบัวขนาดใหญ่ ถือเป็นอีกมุมถ่ายรูปที่สวยอลังการมากๆ

ฮอยอัน

ประตูวัดโบราณ

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/afyQsDS42NFEqcJn7
  • Price: ไม่เสียค่าเข้าชม (ใช้บัตรเข้าเขตเมืองเก่าในการเข้าชม)

ระหว่างเดินหาร้านอาหารมื้อกลางวัน ก็ถือโอกาสได้เดินชมความสวยงามของเมืองอีกรอบ พอได้ซึมซับและใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ ก็สัมผัสได้ว่าฮอยอันเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วิถีชีวิต รวมไปถึงความสวยงามของวัฒนธรรม แถมยังมี Art Gallery  คาเฟ่ และร้านต่างๆ ให้เลือกเยอะมากๆ

ฮอยอัน


Quan An Co Phuong, ฮอยอัน เวียดนาม

เดินมาได้สักพัก ก็ตกลงกันได้ว่าจะลองกินอาหารร้านที่คนพื้นที่กินกัน เรามาสะดุดกับร้านอาหารเล็กๆ อย่าง Quan An Co Phuong ที่บรรยากาศคล้ายๆ กับร้านอาหารทั่วไปในไทยและมีที่นั่งอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะ ซึ่งเมนูที่เราสั่งมาเป็น หมี่กว๋าง (Mi Quang) ก๋วยเตี๋ยวแบบเฉพาะถิ่นที่เป็นเมนูยอดนิยมของคนในพื้นที่แถบกว๋างนาม น้ำซุปจะผสมขมิ้นมาด้วย ส่วนเครื่องคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวไทยโบราณที่ใส่ถั่วลิสง โรยต้นหอม มีกุ้ง หมึก และหมูแดงชิ้นใหญ่ กินคู่กับผักวดหลากหลายชนิด ราคาชามละ 35,000 VND และ Char Siu Rice หรือข้าวหมูแดงฉบับเวียดนาม มีรสชาติความอร่อยคล้ายกับหมูแดงของไทย แต่ที่นี่จะเสิร์ฟแบบโรยกระเทียมเจียว พร้อมกับผักสดมาให้ด้วย ราคาอยู่ที่ 40,000 VND


เรือกระด้ง, ฮอยอัน เวียดนาม

เติมพลังกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาไปทำกิจกรรมไฮไลท์ของฮอยอัน นั่นก็คือ การนั่งเรือกระด้ง ซึ่งเราได้จองกับทางโฮมสเตย์ไว้แล้ว (โฮมสเตย์ส่วนใหญ่จะมีบริการจัดหารถรับ – ส่ง และติดต่อกับเรือ ราคาอาจแตกต่างกันแล้วแต่ที่) ทางโฮมสเตย์ของเราได้จัดหา Grab รับ – ส่ง รวมทั้งจองเรือที่เราจะนั่งไว้ให้เรียบร้อย แต่อาจจะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และนัดแนะเวลาที่เราจะไปให้ชัดเจน จากนั้นสามารถจ่ายเงินโดยตรงกับทางโฮมสเตย์ได้เลย หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว ราคาที่เราได้มาคือ คนละ 220,000 VND **ราคารวมรถไป – กลับ + ค่าบริการล่องเรือ (ตรงนี้ต้องบอกว่าทางเจ้าของโฮมสเตย์ดีมากๆ เพราะเขาได้ย้ำกับเราว่าให้มาจ่ายกับทางโฮมสเตย์เท่านั้น หากไปแล้วมีการเรียกเก็บเงินจากคนขับรถ หรือทางเรือ ไม่ต้องจ่าย เพราะดีลกันไว้แล้ว)

หลังจากขึ้นรถจากโฮมสเตย์มาจนถึงบริเวณขึ้นเรือ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที คนขับรถก็จะพาเราไปเจอกับคนพายเรือ แล้วก็จะนำทางเราไปยังจุดขึ้นเรือ เรือกระด้งเป็นภูมิปัยญาท้องถิ่นของชาวประมงในแถบนี้ ซึ่งเรือจะมีลักษณะเป็นวงกลมทำมาจากไม้จักสาน และที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คือด้วยความที่เรือเป็นวงกลมเลยทำให้การพายต้องอาศัยความชำนาญแบบสุดๆ เพราะแบบนี้เองทำให้เกิดการพายแบบเป็นพายุหมุน คือคนพายเรือจะพายหมุนเร่งความเร็วไปเรื่อยๆ จนขอบเรือปริ่มกับยน้ำเลยทีเดียว โดยบริเวณที่เรามาขึ้นเรือนั้นเป็นปากแม่น้ำที่ไหลออกสู่ทะเล บรรยากาศเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าจาก คึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายชาติ หลังจากขึ้นเรือแล้ว เรือก็จะพายลัดเลาะตามแม่น้ำมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณปากอ่าว

พอมาถึงจุดปากอ่าวแล้ว ความตื่นเต้นก็ได้เริ่มขึ้น เพราะจุดนี้จะมีทั้งเวทีเต้นรำกลางน้ำ เรือกระด้งสุดแอดเวนเจอร์ คนพายเรือของเราจะถามเราว่าต้องการที่จะขึ้นเรือแบบหมุนๆ ไหม แน่นอนว่ามาทั้งทีก็ต้องจัดสักหน่อย  ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคือคนละ 100,000 VND พอขึ้นไปนั่งได้สักพัก คุณลุงก็เร่งความเร็วและหมุนแบบสุดเหวี่ยงมากๆ เรียกได้ว่าเกร็งตั้งแต่ขายันคอกันเลยทีเดียว

ฮอยอัน

ลงจากพายุหมุนแล้ว นั่งพักสักเดี๋ยว ก็มาสนุกกันต่อกับเวลากลางน้ำ โดยจุดนี้จะแบ่งเวทีตามประเทศที่นักท่องเที่ยวมา อย่างเรามาจากไทย เขาก็จะพายไปตรงที่เป็นเวทีที่มีคนร้องเพลงไทยอยู่ บอกเลยว่าร้องได้เหมือนคนไทยร้องเองมากๆ แถมยังเป็นเพลงหมอลำแบบโจ๊ะๆ ด้วย ถือเป็นการปิดทริปล่องเรือได้ม่วนมากๆ รวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วจะอยู่ที่ราวๆ 40 นาที

ล่องเรือกระด้ง

  • Location: หมู่บ้านกั๊มทาน ฮอยอัน เวียดนาม
  • Price: 220,000 VND/คน (ราคารวมรถไป – กลับและค่าบริการล่องเรือ **ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับโฮมสเตย์ กรุณาสอบถามกับทางที่พักอีกครั้ง)

Reaching Out Of Hear Cafe

หลังจากลุยกิจกรรมมาแบบหนักๆ เรากลับมาในฮอยอันเพื่อมาพักนั่งจิบชาพร้อมกับความสงบในช่วงบ่ายแก่ๆ กันที่ร้าน  Reaching Out Of Hear Cafe ร้านชาเล็กๆ กลางเมืองฮอยอันที่พร้อมเสิร์ฟความสงบผ่านการจิบชาแบบเต็มร้อย ตัวร้านเป็นโถงโล่ง สามารถมองเห็นไปในตัวร้านได้จากด้านหน้า ตกแต่งได้ตามสไตล์ของฮอยอันอย่างครบถ้วน

ความมีเอกลักาณืของที่นี่คือความเงียบสงบ พนักงานของทางร้านจะเป็นผู้ที่มีความพิการทางด้านการได้ยินทั้งหมด ดังนั้นการเข้ามาใช้บริการที่นี่จะต้องสื่อสารกันด้วยการเขียนลงในกระดาษ หรือหยิบแผ่นไม้ที่เขียนเรื่องการบริการด้านต่างๆ เอาไว้ให้พนังงานดู หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ทุกคนก็จะสงบไม่พูดคุยเสียงดังกันอีกด้วย

เมนูของที่นี่จะเน้นเป็นเมนูชาที่มีให้เลือกหลายกลิ่น และยังมีหลายเซ็ตให้เลือก ซึ่งเราเลือกเป็นเซ็ตชาอู่หลงแบบเย็น เสิร์ฟมาในกาใบใหญ่ พร้อมอุปกรณ์รินชา พร้อมด้วยมะพร้าวอบแห้ง (รสชาติคล้ายกับมะพร้าวแก้ว แต่หวานและหอมกว่า) กินคู่กับชาบอกเลยว่าได้ทั้งความกลมกล่อมและหอมละมุน ราคาเซ็ตละ 3 USD นอกจากนี้เรายังสั่งคุ๊กกี้เสาวรสมากินเพิ่มด้วย ราคา 1.08 USD

Reaching Out Of Hear Cafe


ล่องเรือโคม แม่น้ำทูโบน

นั่งเล่นได้สักพัก ฟ้าเริ่มมืด ก็ได้เวลาแสงสีของเมืองฮอยอัน เราเดินจากร้านน้ำชาเพื่อมารอล่องเรือโคมที่ริมแม่น้ำทูโบน ซึ่งการล่องเรือโคมเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาฮอยอัน โดยปกติแล้วตามริมแม่น้ำจะมีจุดจำหน่ายตั๋วอยู่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งราคาเรือสำหรับ 1 – 3 คนจะอยู่ที่ 150,000/รอบ และแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 30 นาที

พอขึ้นเรือแล้ว เรือก็จะพายล่องไปตามแม่น้ำทูโบน ระหว่างนั้นเราก็จะได้ชมความสวยงามของโคมไฟและอาคารในเมืองฮอยอันไปด้วย เรือจะพายไปจนถึงสะพานที่เป็นสะพานข้ามระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองรอบนอก

ภาพในยามค่ำคืนสวยงามมากๆ สมแล้วที่เคยได้เอาไปใช้เป็นฉากในการ์ตูน หรือแม้แต่ภาพยนตร์และละครหลายๆ เรื่อง

ฮอยอัน

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Open-Close: ให้บริการทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป

อาหารเย็น

ล่องเรือชมความงามกันไปแล้ว เราก็กลับขึ้นมา และใกล้ๆ กับจุดที่ขึ้นเรือเป็นมุมที่มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดตั้งอยู่ เราเลือกมาหนึ่งร้านแล้วนั่งกินกันแบบชาวเวียดนามเลย ที่นั่งจะเป็นตามหน้าตึกและมุมต่างๆ มีเพียงโต๊ะตัวเล็กและเก้าอี้แบบนั่งยองๆ เท่านั้น

เมนูที่สั่งมาเป็นเมนูเส้นแบบเวียดนาม (จริงๆ จำชื่อไม่ได้เพราะเป็นร้านแบบหาบเร่ สั่งด้วยการชี้ๆ) รสชาติจะคล้ายกับขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่ใส่เครื่องที่แตกต่างกว่า ทั้งผักสด ไข่ กุ้งแห้ง และแผ่นเกี๊ยว ส่วนเมนูกินเล่นจะเป็นแป้งคล้ายๆ กับแป้งขนมเทียน ด้านในเป็นไส้กุ้ง เสิร์ฟมาคู่กับหมูยออันเล็กๆ พร้อมน้ำจิ้มที่ออกรสเปรี้ยวและเผ็ดหน่อยๆ นอกจากนี้ยังสั่งเครื่องดื่มที่เป็นน้ำส้มจี๊ด เปรี้ยวสะใจแบบสุดๆ ราคาทั้งหมดนี้อยู่ที่ 180,000 VND

ต่อด้วยของหวานแบบฉบับเวียดนาม ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับรวมมิตรบ้านเรา ที่มีเครื่องให้เลือกใส่หลากหลาย เราเลือกใส่ 3 – 4 อย่าง คือแปะก๊วย เกาลัด วุ้นมะพร้าว และเฉาก๊วย ราคาถ้วยละ 20,000 VND รสชาติโดยรวมเหมือนบ้านเราเลย แค่กะทิจะเข้มข้นและหนืดกว่า ส่วนความหวานจะค่อนข้างเบากว่าของไทย ถ้าใครชอบแบบหวานน้อยรับรองถูกใจแน่นอน


Day 5: ดานัง – ฮานอย

Mót, ฮอยอัน เวียดนาม

วันสุดท้ายของการเที่ยวเวียดนามกลาง เราตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อมาเก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอาท์ พร้อมกับจองรถกับทางที่พักเพื่อเดินทางไปที่สนามบินดานัง ราคาอยู่ที่ 300,000 VND ระหว่างนั้นยังพอมีเวลาราวๆ 3 ชั่วโมง เราเลยเข้ามาที่ฮอยอันอีกรอบเพื่อมาตามเก็บร้านที่อยากกินอีกครั้ง หนึ่งในนั้นคือร้าน Mót ร้านน้ำดอกบัว ที่ไม่ว่าใครมาฮอยอันก็ต้องลองชิม

น้ำดอกบัวของร้านนี้เป็นน้ำสมุนไพรที่มีส่วนผสมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมะนาว ตะไคร้ ขิง ข่า รวมทั้งดอกบัวที่ใช้ทั้งกลีบดอกและเกสร อีกทั้งสมุนไพรอื่นๆ อีกหลากหลาย รสชาติให้ความรู้สึกสดชื่น เปรี้ยวอมหวาน หอม กลมกล่อม ราคาแก้วละ 16,000 VND เท่านั้นเอง

Mót

  • Location: ฮอยอัน เวียดนาม
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/CfgZjGezEhjXrizt5
  • Open-Close: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.

บั๋ญหมี่, ฮอยอัน เวียดนาม

ต่อกันด้วยของกินยอดฮิตของเวียดนามอย่าง บั๋ญหมี่ ซึ่งเป็นร้านที่เราเดินบังเอิญมาเจอ เป็นร้านริมถนนเล็กๆ ที่เปิดขายกันตั้งแต่เช้า มาพร้อมกับที่นั่งสุดคลาสสิกฉบับชาวเวียดนาม นั่นก็คือที่นั่งริมทางเดิน เมนูของร้านมีให้เลือกหลากหลาย แต่ด้วยความที่เราไม่รู้จะสั่งอะไรดี คุณป้าเจ้าของร้านเลยแนะนำให้เป็นแบบรวมที่ใส่ทุกอย่างไปเลย

วิธีการทำคือเอาขนมปังมาผ่ากลาง ใส่ทั้งหมู ไข่ ไก่ และผัก จากนั้นก็ใส่ซอส แล้วนำไปย่างให้หอมอีกครั้ง ราคาอยู่ที่ชิ้นละ 30,000 VND เท่านั้นเอง บอกเลยว่าชิ้นใหญ่มาก อยู่ท้องกันแบบจุกๆ ขนมปันกรอบนอกนุ่มใน เนื้อนุ่ม ไส้กลมกล่อมมากๆ


สนามบินดานัง

เต็มอิ่มกับมื้อเช้าไปแล้ว กลับมาที่โฮมสเตย์แล้วขึ้นรถที่เราจองไว้กับโฮมสเตย์ เดินทางมาที่สนามบินดานัง เพื่อเตรียมบินไปเช็คอินกรุงฮานอย กับทริปเวียดนามเหนือกันต่อ!


จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก ที่ต้องแนะนำบอกต่อเลยว่าใครที่อยากจะเริ่มเที่ยวเวียดนามเป็นครั้งแรก เวียดนามกลางก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะมีโลเคชั่นสวยๆ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตให้ไปแล้ว การเดินทาง รวมทั้งผู้คนยังเป็นมิตรและสะดวกสบายอีกด้วย เหนือไปกว่านั้นยังไดสัมผัสถึงวิถีชีวิตของประเทศที่ไม่ใกล้ไม่ไกลบ้านเรา ได้รอยยิ้ม ได้ความประทับใจกลับมาเป็นความทรงจำนับไม่ถ้วยเลย

ฮอยอัน


ค่าใช้จ่ายตลอดทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก

DAY: 1

  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้าน Thìa Gỗ 265 บาท (หาร 2 จากราคา 530 บาท)
  • ค่าเครื่องดื่มร้าน Cộng Cà Phê 65 บาท
  • ค่าที่พัก AVORA Hotel Danang 624 บาท (หาร 2 จากราคา 1,248 บาท)
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มตลาดเซินตร่า 215 บาท

DAY: 2

  • ค่าโรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills 2,030 บาท (หาร 2 จากราคา 4,057 บาท)
  • ค่ากระเช้าและเครื่องเล่นบานาฮิลล์ 858 บาท
  • ค่าอาหารร้าน Pizza Brasserie 440 บาท (หาร 2 จากราคา 880 บาท)
  • ค่าอาหารเย็น 200 บาท (หาร 2 จากราคา 400)

DAY: 3

  • ค่าโฮมสเตย์ An Hoi Town Homestay รวม 2 คืน 533 บาท (หาร 2 จากราคา 1,066 บาท)
  • ค่าบัตรเข้าชมเมืองเก่าฮอยอัน 172 บาท
  • ค่าเครื่องดื่มร้าน Faifo Coffee 78 บาท
  • ค่าอาหารร้าน Madam Kieu Vietnamese Restaurant 214 บาท (หาร 2 จากราคา 428 บาท)
  • ค่าถ่ายรูปร้านโคมไฟ 15 บาท

DAY: 4

  • ค่าเครื่องดื่มร้าน Cộng Cà Phê 92 บาท
  • ค่าอาหารร้าน Quan An Co Phuong 68 บาท
  • ค่ารถไป – กลับ และค่าล่องเรือกระด้ง 315 บาท
  • ค่าเครื่องดื่มร้าน Reaching Out Of Hear Cafe 68 บาท (หาร 2 จากราคา 135 บาท)
  • ค่าล่องเรือโคมแม่น้ำทูโบน 108 บาท (หาร 2 จากราคา 215 บาท)
  • ค่าอาหารเย็นและของหวาน 143 บาท

DAY: 5

  • ค่าเครื่องดื่มร้าน Mót 23 บาท
  • ค่าบั๋ญหมี่ 43 บาท

รวมค่าใช้จ่ายต่อคน = 6,570 บาท **(ค่าใช้จ่ายยังไม่รวมค่ารถในระหว่างทริปและค่าตั๋วเครื่องบิน)


เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ทริปเวียดนามกลาง 5 วัน 4 คืน เก็บโลเคชั่นสวยดานัง เช็คอินฮอยอันเมืองมรดกโลก ถ้าใครมีแพลนอยากไปเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางง่าย เที่ยวสนุก และคุมค้าใช้จ่ายได้ ต้องเก็บเวียดนามไว้ในอ้อมออกอ้อมใจแล้ว สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวประเทศอื่นๆ แบบใกล้บ้านเรามีอีก 2 ทริปมาแนะนำกัน คือ นั่งรถไฟไปเที่ยวลาว 4 วัน 4 คืน เมืองเฟือง – วังเวียง – หลวงพระบาง และ เที่ยวเสียมราฐ 3 วัน 2 คืน เช็คอินนครวัด นครธม ชมความงามอารยธรรม 1000 ปี


ผู้เขียน
ช่างภาพ

dontk

เรื่องที่คุณอาจสนใจ