ทริปเที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน เช็คอินตัวในเมือง – นอกเมือง ไหว้พระ แวะร้านเด็ด นอนใกล้ชิดธรรมชาติ
300 ครั้ง
26 ก.ย. 2568
300 ครั้ง
26 ก.ย. 2568
ทริปนี้ขอพาไปสัมผัสเสน่ห์เมืองน่าน เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมล้านนา วิถีชุมชนเรียบง่าย และธรรมชาติที่สวยงามสุดๆ จัดมาให้ครบทั้งวัดดัง คาเฟ่สุดชิค และที่พักวิวภูเขา บรรยากาศธรรมชาติสงบๆ กับ ทริปเที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน เช็คอินตัวในเมือง – นอกเมือง ไหว้พระ แวะร้านเด็ด นอนใกล้ชิดธรรมชาติ รับรองว่าใครได้ตามรอยต้องตกหลุมรักเมืองน่านแน่นอน


เริ่มต้นทริปด้วยการเดินเล่นใน ตัวเมืองน่าน ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายล้านนา และแวะไหว้พระที่ วัดภูมินทร์ วัดคู่บ้านคู่เมือง แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งของเมืองน่านที่ห้ามพลาด


วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วย จิตรกรรมฝาผนังปู่ม่านย่าม่าน หรือ ภาพกระซิบรักบันลือโลก ชายหญิงในชุดไทลื้อโอบไหล่กระซิบคำบางอย่าง ซึ่งถือเป็นจุดไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ต้องมาแวะถ่ายรูปและชมความงดงามของศิลปะล้านนา

วิหารจตุรมุขแห่งเดียวในไทย ที่ซ่อนเรื่องราวความรักและวิถีชีวิตเมืองน่าน

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวัดภูมินทร์ก็คือ วิหารแบบจัตุรมุข 4 ทิศ ที่รวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์อยู่ภายในหลังเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดไทยที่มีความสวยงามมากๆ เลยล่ะ ที่สำคัญคือภาพวิหารวัดภูมินทร์เคยได้ถูกนำไปเป็นภาพบนธนบัตรใบละ 1 บาท ด้วยนะ ด้านหน้าทางเข้ามีรูปปั้นพญานาคู่ที่คล้ายกับกำลังแบกรับเอาวิหารไว้อยู่บนหลัง


เข้ามากราบสักการะ พระประธานจตุรพักตร์ ประดิษฐานอยู่ภ่ยในวิหาร เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ศิลปะสุโขทัย 4 องค์ ที่หันพระพักตร์ออกสู่ทิศทั้ง 4 เชื่อกันว่าถ้าเดินเวียนรอบพระประธานทั้ง 4 หากรู้สึกว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์ไหนแย้มพระสรวล (ยิ้ม) ให้กราบและขอพรกับพระพุทธรูปองค์นั้นแล้วจะสมหวัง


เรียกได้ว่านอกจากจะได้ชมงานศิลป์ล้านนาอันล้ำค่าแล้ว ยังได้ทำบุญไหว้พระเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตอีกด้วย



เดินไปกันต่อที่อีกหนึ่ง วัดดังเมืองน่าน ที่ไม่ควรพลาด นั่นก็คือ วัดมิ่งเมือง ที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมสไตลล์ล้านนาร่วมสมัย โดดเด่นด้วยวิหารสีขาวงดงามพร้อมลวดลายแกะสลักสุดวิจิตรตระการตา



เป็นวัดที่มีมุมถ่ายรูปสวยมากๆ ใครสายเที่ยววัดต้องมาเลย

ภายในวัดประดิษฐาน เสาพระหลักเมืองน่าน หรือ เสามิ่งเมือง มีความสูงประมาณ 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพระพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะมากราบไหว้ขอพรเสริมสิริมงคลกัน โดยคนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมากราบไหว้ขอพรเรื่องการเดินทางให้แคล้วคลาดปลอดภัย ขอพรเรื่องความสำเร็จในหน้าที่การงาน


สำหรับการสักการะเสาพระหลักเมืองน่านนั้นให้สักการะทั้ง 4 ทิศ โดยแต่ละทิศจะมีเสริมมงคลต่างกัน


พักฝากท้องมื้อกลางวันกันที่ สหาย สายเตี๋ยว ร้านก๋วยเตี๋ยวในเรือนไม้โบราณกว่า 100 ปี พิกัดร้านตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใจกลางเมืองน่าน บรรยากาศอบอุ่น ได้ฟีลเหมือนไปกินข้าวบ้านเพื่อนเลยล่ะ


ภายในร้านจัดตกแต่งอย่างเรียบง่าย โปร่งโล่ง นั่งสบาย

สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาก็ต้องลองเลยคือ หมี่มะแขว่น รสชาติอร่อยเข้มข้นด้วยซอสสูตรลับของทางร้าน หอมมะแขว่นกลิ่นสมุนไพรของดีเมืองน่าน จะมีความชาลิ้นนิดๆ คล้ายหม่าล่า ท็อปปิ้งด้วยกระดูกซี่โครงอ่อนตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ กลิ่นหอมฉุย ฟินเต็มคำไม่ต้องปรุงเพิ่ม บอกเลยว่าเมนูนี้ต้องลอง!


นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอร่อยๆ อีกมากมายเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น แห้งสหายหมู เส้นเหนียวนุ่มคลุกน้ำซอสสูตรเด็ด เป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตที่ยอดสั่งเยอะไม่แพ้กัน

ใครมาเที่ยวน่านแนะนำเลย ก๋วยเตี๋ยวอร่อย ราคาน่ารัก อิ่มท้องยาวๆ


เติมพลังกันอิ่มท้องแล้ว ก็ได้เวลาเข้ามาเช็คอินที่พักคืนแรกของเราในทริปนี้ ซึ่งคืนแรกเราพักกันในเมืองที่ โรงแรมน่านละมุน (Nan Lamoon Hotel) ที่พักใจกลางเมืองน่าน สไตล์ Cozy บรรยากาศอบอุ่น รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เดินทางสะดวกสุดๆ ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในตัวเมืองน่านทั้งวัดภูมินทร์และถนนคนเดินน่าน



ห้องพักของโรงแรมน่านละมุน มีให้เลือกถึง 4 รูมไทป์ ซึ่งเราเลือกพักห้อง Superior Types ที่เป็นห้องขนาดกำลังพอดี โดยจะมีให้เลือกทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะนั่งทำงาน อ่างอาบน้ำ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์อาบน้ำ ไดร์เป่าผม และอื่นๆ อีกเพียบ เรียกได้ว่าพักผ่อนได้แบบสบายๆ มาแต่ตัวยังได้เลย


ภายในห้องพักตกแต่งเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น สะอาดสะอ้าน สบายตา

หลังจากเก็บประเป๋า นั่งพักแล้ว เราก็ลงมาใช้บริการจักรยานของทางโรงแรมให้ผู้เข้าพักยืมปั่นเที่ยวรอบเมืองกันได้ฟรี นี่แหละ! ได้ฟีล Slow life แบบน่านของแท้



ปั่นจักรยานชิลล์ๆ กินลมชมวิวเพลินๆ จากที่พักแค่ 800 เมตรก็ถึง ถนนคนเดินน่าน หรือ กาดข่วงเมืองน่าน ถนนคนเดินสไตล์ล้านนา บอกเลยว่าที่นี่เป็นถนนคนเดินที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก มีทั้งของกินพื้นเมือง ขนมอร่อยๆ ของฝาก และงานคราฟต์ให้เลือกซื้อ เป็นอีกหนึ่ง จุดเช็คอินเมืองน่าน ที่ต้องแวะ



ที่นี่เปิดเฉพาะ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00 – 22.00 น.

ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารพื้นเมืองที่หลากหลายมากๆ จัดเต็มทั้งของคาว ขนมหวาน เครื่องดื่ม ของกินละลานตาไปหมด แถมราคาก็เป็นมิตรสุดๆ



เอกลักษณ์อีกอย่างของกาดข่วงเมืองน่านก็คือการเลือกซื้ออาหารแล้วมาจัดวางในขันโตกนั่งกินกันแบบชิลล์ๆ หน้าวัดภูมินทร์ บรรยากาศเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแท้ๆ เลยล่ะ


มีการแสดงและดนตรีสดจากศิลปินในพื้นที่ด้วยนะ เพิ่มบรรยากาศให้คึกคักและมีชีวิตชีวาสุดๆ




ที่นี่มีเรื่องราวเก๋มาก เพราะรีโนเวทมาจากโรงบ่มยาสูบเก่าที่ถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี พลิกโฉมใหม่จนกลายเป็นคาเฟ่สไตล์คลาสสิก สุดยูนีค ตัวอาคารอิฐแดงยังคงความดิบเท่ กลายเป็นกิมมิคหลักที่ทำให้โลเคชั่นนี้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยปังไม่เหมือนใคร


ไม่ว่าจะเป็นมุมกระจกใสที่มองเห็นโรงบ่มด้านข้าง หรือมุมอาคารอิฐเก่าที่ถูกจัดวางให้กลายเป็น Background สไตล์วินเทจสุดคูล


บอกเลยว่าทุกจุดคือสวรรค์ของสายคอนเทนต์!

เมนูของที่นี่ก็จะมีครบทั้งขนมเบเกอรี่และเครื่องดื่มต่างๆ เราสั่งมาเป็น ชาพีชเย็น หอมสดชื่นมาก


ระหว่างทางจากปัวสู่บ่อเกลือหมู่บ้านสะปัน มีอีกหนึ่งคาเฟ่ที่อยากบอกต่อแบบห้ามพลาดเลยก็คือ หลงเขาคาเฟ่ คาเฟ่ไม้ทั้งหลังที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศโล่งโปร่ง รับลมเย็นสบายตลอดทั้งวัน










และคืนนี้เราเข้าพักกันที่ บ้านปันสุข สะปัน โฮมสเตย์สุดอบอุ่นกลางหุบเขาและเต็มไปด้วยความสงบกลางอ้อมกอดของธรรมชาติสีเขียวขจี


ที่นี่มีบ้านพักทั้งหมดแค่เพียง 5 หลังเท่านั้น เป็นบ้านไม้เล็กๆ ที่สร้างจากวัสดุธรรมชาติ ดูเรียบง่ายและเข้ากับบรรยากาศรอบๆ ได้อย่างลงตัว

ภายในบ้านพักหลังเล็กสามารถมองเห็นวิวทุ่งนาและขุนเขาได้จากในห้องเลยล่ะ บรรยากาศดีมาก แถมอากาศก็เย็นสบายสุดๆ เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยล่ะ


มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งตู้เย็น พัดลม กาน้ำร้อน นอนได้แบบสบายๆ กันเลย

มีระเบียงกว้างๆ ไว้ให้ได้นั่งเล่น นอนเล่นด้วยนะ ชิลล์~

ในช่วงเย็นทางบ้านปันสุข สะปันยังมี ชุดหมูกระทะ ให้บริการเป็นอาหารเย็นอีกด้วย มีทั้งหมู หมูสามชั้น เต้าหู้ไข่ ลูกชิ้น ไส้กรอก วุ้นเส้น และผักนานาชนิด เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปหอมๆ น้ำจิ้มแซ่บๆ และทีเด็ดอีกอย่างที่พลาดไม่ได้ก็คือ เซ็ตอาหารพื้นเมือง ที่เสิร์ฟมาในขันโตกสไตล์เหนือๆ น่ากินสุดๆ มีทั้ง ไข่เจียว หมูทอด ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักเชียงดา น้ำพริก และผักต้ม


มาถึงเมืองเหนือโลเคชั่นฟีลดีแบบนี้ทั้งที ก็ต้องจัดมาเลยทั้ง 2 อย่าง นั่งมองวิวไป กินหมูกระทะไป แถมอากาศก็เย็นสบาย บอกเลยว่าฟินมากๆ

แนะนำให้เตรียมสเปรย์ไล่ยุงมาให้พร้อมกันด้วยนะ

เช้าวันสุดท้ายตื่นมาพร้อมกับอากาศเย็นๆ และบรรยากาศที่สงบเงียบของบ้านปันสุข สะปัน ในมื้อเช้าทางที่พักมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ ซึ่งมีทั้งข้าวต้ม ไข่ลวก แซนวิช ผลไม้ และเครื่องดื่มสดชื่นๆ


นอกจากนี้ภายในห้องยังมีชุดดริปกาแฟให้ดริปแล้วนั่งจิบชมวิวยามเช้าได้แบบชิลล์ๆ

ก่อนเช็คเอาท์เราก็เดินไปถ่ายรูปเล่นในบริเวณจุดชมวิวไฮไลท์ของทางที่พักซึ่งมองเห็นขุนเขาเขียวขจีสลับซับซ้อนและสายหมอกที่บอกเลยว่าสวยอย่างกับภาพวาด


มุมยอดฮิต ถ่ายรูปสวยจึ้งมาก! ได้รูปกลับไปเพียบ


ลุยกันต่ออีกหน่อยด้วยการขับรถผ่าน ถนนลอยฟ้า 1256 ปัว – บ่อเกลือ เส้นทางที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดของไทย เส้นทางคดโค้งที่รายล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนและป่าไม้เขียวขจีเต็มสองข้างทาง ยิ่งถ้ามาในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะได้เจอกับไอหมอกขาวโอบคลุมทิวเขา บอกเลยว่าสวยสุดๆ


จอดแวะถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำกันสักหน่อย

ใครที่มีแพลนไปเที่ยวน่านอย่าลืมแวะมาสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติกันที่นี่นะ ระหว่างการเดินทางลองลดกระจกรถลงสูดกลิ่ธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์กันดู รับรองว่าที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยประทับใจแน่นอน


หลังจากซึมซับความงดงามบนถนนลอยฟ้า 1256 ปัว – บ่อเกลือกันจนเต็มอิ่มแล้ว ก่อนเดินทางกลับก็แวะมาผ่อนคลายที่ HANI Creativespace คาเฟ่เล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกลิ่นอายล้านนาได้อย่างลงตัว บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นสุดๆ รายล้อมด้วยสวนสีเขียวและต้นไผ่ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งพักอยู่ในบ้านญี่ปุ่นท่ามกลางธรรมชาติเลยล่ะ



ที่นี่โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารักสะดุดตา ตั้งแต่ป้ายผ้าม่านสีขาวลายวงกลมสีฟ้า ที่หลายคนอาจเผลอคิดว่าเป็นวงกลมแดงจากธงชาติญี่ปุ่น แต่แท้จริงแล้วคำว่า “ฮานิ” (Hani) มาจากภาษาเหนือน่ารักๆ ที่แปลว่า “กูนี่แหละ” สื่อถึงความเป็นกันเองแบบเรียบง่ายของร้านได้อย่างลงตัว


มีทั้งมุมอินดอร์และเอาท์ดอร์กลางสวนสีเขียว

สำหรับเมนูแนะนำของที่นี่ต้องยกให้กาแฟรสเข้มข้นหอมกรุ่น ที่ถูกใจคอกาแฟแน่นอน ส่วนใครที่ชอบชาเขียว บอกเลยว่าที่นี่ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะรสชาตินุ่มละมุน หอมกำลังดี จิบเบาๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆ มากๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่ม Sparkling สดชื่น และขนมเบเกอรี่น่ารักๆ ให้เลือกด้วยนะ

แม้ร้าน HANI Creativespace จะตั้งอยู่ที่อำเภอภูเพียง แต่ก็ถือว่าสะดวกเพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองน่าน แถมบรรยากาศกว้างขวางและไม่แออัด ทำให้เหมาะสุดๆ สำหรับปิดท้ายทริปด้วยการนั่งพักใจ ดื่มกาแฟหอมๆ และเก็บความสุขสงบของน่านกลับบ้านไปเต็มๆ

และทั้งหมดนี้ก็คือ ทริปเที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน เช็คอินตัวในเมือง – นอกเมือง ไหว้พระ แวะร้านเด็ด นอนใกล้ชิดธรรมชาติ บอกเลยว่าถือเป็นอีกทริปที่ได้ชาร์จแบตหัวใจ ทั้งจากศิลปวัฒนธรรมเมืองเก่า ธรรมชาติที่สวยสงบ และคาเฟ่น่ารักๆ ที่เข้ากับบรรยากาศเมืองเล็กแสนอบอุ่น ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาทริปสั้นๆ แต่ได้เช็คอินครบทุกสไตล์ทั้งสายบุญ สายกิน สายธรรมชาติ ทริปเก็ทเตอร์ขอแนะนำให้มาตอนรอยทริปเที่ยวน่านครั้งนี้กันได้เลย

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ ทริปเที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน เช็คอินตัวในเมือง – นอกเมือง ไหว้พระ แวะร้านเด็ด นอนใกล้ชิดธรรมชาติ ทริปเก็ทเตอร์ขอแนะนำ บ้านปันสุข สะปัน โฮมสเตย์สุดอบอุ่นกลางหุบเขา วิวสวยหลักล้าน พร้อมแล้วก็ไปลุยเที่ยวกันต่อ กับ 21 ที่เที่ยวน่าน จัดเต็มครบทุกสไตล์ เมืองน่ารักสุดสโลว์ไลฟ์