กิ่วแม่ปาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ ฟินกับอากาศหนาว

555 ครั้ง
6 ธ.ค. 2566

“กิ่วแม่ปาน” หรือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.ที่ 42 เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ไฮไลท์มาที่นี่ต้องไ้ด้ชมทะเลหมอกสุดปัง ทุ่งกุหลาบพันปี และตลอดระยะทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะได้สัมผัสธรรมชาติและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากๆ เพราะที่นี่จะมีช่วงปิดพักฟื้นป่าและช่วงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่พฤศจิกายน – พฤษภาคมของทุกปี

กิ่วแม่ปาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ ฟินกับอากาศหนาว

เริ่มต้นการเดินทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกิ่วแม่ปาน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น. และนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มที่เข้าไปต้องมีไกด์ชาวบ้านนำทาง คิดค่านำทางกลุ่มละ 200 บาท/ไกด์ 1 คน/กลุ่มละไม่เกิน 10 คน

จุดที่ 1 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก่อนเริ่มเดินไกด์จะแนะนำตัว แนะนำเส้นทาง และบอกกฎกติกาในการเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เช่นห้ามเเด็ดต้นไม้ ดอกไม้ และห้ามเดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด ซึ่งที่นี่มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มีทั้งหมด 15 สถานีด้วยกัน ไฮไลท์เด่นๆ จะเป็นจุดที่ 2 น้ำตกลานเสด็จ จุดที่ 7 ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ จุดที่ 8 จุดชมวิวทิวทัศน์ จุดที่ 9 ผาแง่มน้อย จุดที่ 10 กวางผา จุดที่ 11 กุหลาบพันปี และจุดที่ 12 ที่นี่กิ่วแม่ปาน การเดินจะเดินเป็นวงกลมมาจบที่จุดเริ่มต้น

ทริค: ระหว่างทางขึ้นจะมีกองไม้ค้ำยัน แนะนำให้หยิบติดมือมาคนละอันช่วยในการเดินได้ดีทีเดียว

เดินขึ้นเนินเขาสักพักจะถึงบริเวณ จุดที่ 2 น้ำตกลานเสด็จ เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่มีความสวยงามและยังที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน โดยบริเวณรอบๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีบรรยากาศร่มรื่น อึมครึ้ม มีมอสส์สีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยรอบน้ำตก

ความสวยงามของธรรมชาติระหว่างเดินทาง

เดินต่อขึ้นเขากันไปยาวๆ มายัง จุดที่ 7 ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ ที่บนยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งในไทยมีเพียงไม่กี่แห่งคือที่ดอยผ้าห่มปก และดอยเชียงดาว ซึ่งบนกิ่วแม่ปานจะคล้ายๆ กับทุ่งหญ้าเตียนๆ มีต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ

จุดที่ 8 จุดชมวิวทิวทัศน์ นักท่องเที่ยวที่เดินมาถึงจุดนี้จะนิยมมาถ่ายรูปบนระเบียงชมวิวทะเลหมอกและภูเขา และจุดนี้จะเป็นจุดครึ่งทางในการเดิน นักท่องเที่ยวที่เดินต่อไม่ไหว สามารถเดินกลับทางเดิมได้ไกด์จะแนะนำแบบนี้ทุกกลุ่ม หากกลุ่มไหนไปต่อก็ต้องลุยกันต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตรเพื่อให้ถึงสถานีที่ 15 ซึ่งเส้นทางจะเป็นทางเดินเลียบแนวหน้าผา และช่วงประมาณ 400 เมตรสุดท้าย จะเป็นการเดินขึ้นเขาลงเขาสลับกัน 4 ลูกแบบเบาๆ ให้พอเรียกเหงื่อ

ระหว่างเดินเลียบริมหน้าผาจะผ่านอีกหนึ่งไฮไลท์ จุดที่ 9 ผาแง่มน้อย เป็นหิน 2 แท่ง ตั้งอยู่คู่กันในเส้นทางเดินชมธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เสมือนกับถูกจับวาง จากคำบอกเล่าของไกด์คาดว่าหินผาแง่มน้อน น่าจะเกิดจากการแตกหักจากผนังหินผาของกิ่วแม่ปานและลื่นไถลลงไปปักอยู่ในตำแหน่งที่เคียงคู่กันแบบพอดิบพอดี นอกจากนี้บริเวณฐานขอผาแง่มน้อย ยังมีแผ่นหินที่ร่วงลงมาคล้ายรูปหัวใจด้วย ที่นี่จึงเป็นแลนด์มาร์กของคู่รักที่นิยมมาถ่ายรูป

จุดที่ 11 กุหลาบพันปี พืชหายากมากชนิดหนึ่ง เพราะมีการกระจายพันธุ์ที่จำกัดเฉพาะในเขตอากาศหนาวเย็นบนพื้นที่ชุ่มชื้น และจะออกดอกเพียงปีละครั้งในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เท่านั้น ซึ่งบนกิ่วแม่ปาน ต้นกุหลาบพันปีจะมีอยู่มากบริเวณแนวเขาถัดจากผาแง่มน้อย หากใครไปตรงกับช่วงที่ต้นไม้ออกดอก จะเห็นดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดตัดกับความเขียวของใบไม้ที่โดดเด่นสวยงามแบบสุด

เดินลัดเลาะไปตามแนวเขามายัง จุดที่ 12 ที่นี่กิ่วแม่ปาน ส่วนที่เล็กและแคบที่สุดบนสันเขาแม่ปาน ซึ่งคำว่า “กิ่ว” ในภาษาเหนือแปลว่าเล็ก หรือที่แคบๆ ส่วนคำว่า “แม่ปาน” เป็นชื่อสถานที่ “กิ่วแม่ปาน” นั่นเอง

จุดชมพระมหาธาตุนภเมทนีดล อยู่บนเส้นทางขากลับเลยจุดชมวิวที่นี่กิ่วแม่ปาน แต่ต้องเดินแยกออกไปทางขวามือ ซึ่งไกด์ก็จะแนะนำให้มาชมวิวที่นี่และถ่ายรูป นอกจากจะสามารถมองเห็น “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ” แล้ว จุดนี้ยังชมวิวทะเลหมอกและภูเขาได้อย่างสวยงามสุดๆ

เมื่อเดินผ่าน จุดชมพระมหาธาตุนภเมทนีดล และเป็นเส้นทางเดินกลับจะผ่านป่าดิบเขาสวยงาม มีลำธารไหลผ่านบางช่วง และที่สำคัญเป็นช่วงกิโลเมตรท้ายๆ จะต้องขึ้นเขาลงเขาสลับกัน 4 ลูก แม้จะเหนื่อยแต่รับรองเลยว่า “กิ่วแม่ปาน” เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ควรแก่การมาเยือนสักในชีวิตจริงๆ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสอากาศที่เย็นสบาย ที่นี่ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ อีกแห่งหนึ่ง