เที่ยวราชบุรี 2 วัน 1 คืน สูดอากาศธรรมชาติ ชมภูเขาหิน เช็คอินคาเฟ่ นอนริมน้ำตก
1,457 ครั้ง
9 ต.ค. 2568
1,457 ครั้ง
9 ต.ค. 2568
ถ้าพูดถึงจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ ขับรถแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ แต่ได้ฟีลเหมือนขึ้นเหนือ ได้เจอทั้งภูเขา น้ำตก คาเฟ่ป่าสน และวัดสวยๆ ทริปเก็ทเตรอ์ขอแนะนำ ทริปเที่ยวราชบุรี 2 วัน 1 คืน สูดอากาศธรรมชาติ ชมภูเขาหิน เช็คอินคาเฟ่ นอนริมน้ำตก ใครอยากพาใจหนีความวุ่นวายไปพักผ่อนต้องเซฟลิสต์นี้ไว้เลย

ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯกันตั้งแต่เช้า ไปเช็คอินที่แรกกันเลยที่ อุทยานหินเขางู แลนด์มาร์กธรรมชาติสุดยิ่งใหญ่ของราชบุรี ที่ใครมาก็ต้องแวะ! จุดเด่นของที่นี่คือ ภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ที่โอบล้อมบ่อน้ำสีเขียวมรกต มองแล้วอลังการสุดๆ ยิ่งช่วงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าหรือเย็น แสงจะกระทบกับผิวน้ำและหินจนดูเหมือนภาพวาดเลยทีเดียว


สัมผัสลมเย็นๆ ฟังเสียงนก เสียงน้ำ สุดจะฮีลใจเลย

เดินเล่นข้ามสะพานไม้ไปยังทางเดินกลางหุบเขาแล้วอย่าลืมแวะถ่ายรูปตรงสะพานนะ เพราะมุมนี้คือไฮไลท์! ใครอยากได้รูปฟีลเหมือนอยู่เมืองนอก มุมนี้คือพลาดไม่ได้จริงๆ


นอกจากเดินเล่นชมวิวแล้ว ยังมีกิจกรรมเบาๆ อย่าง ปั่นเรือเป็ดและให้อาหารปลา เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวเหมาะกับทั้งคู่รัก ครอบครัว หรือคนที่อยากพักใจชิลล์ๆ หลังขับรถมาทั้งเช้า

ใครอยากชมวิวสวยๆ แบบไม่ร้อน แนะนำให้มาช่วงเย็น ฟีลโรแมนติกสุดๆ

ขับต่อมาอีกไม่ไกล เรามาแวะพักดื่มกาแฟกันที่ ภูผา คอฟฟี่ แคมป์ คาเฟ่แคมป์ปิ้งกลางป่าสน ใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย แค่ขับมาถึงก็ต้องร้องว้าว เพราะวิวรอบๆ คือได้ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศมากเลยล่ะ


ที่นี่มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และจุดกางเต็นท์ให้สายแคมป์มาพักกันได้ บรรยากาศร่มรื่นมาก มีเก้าอี้สนาม เต็นท์ และพร็อพแคมป์ปิ้งให้ถ่ายรูปเล่นหรือทำคอนเท็นต์ได้ทุกมุม


ใครอยากนั่งชิลล์นานๆ ก็เลือกมุมริมน้ำได้เลย มีลมพัดตลอด เย็นสบายมาก

สำหรับเมนูแนะนำที่ใครมาแล้วต้องสั่งเลยคือ ครัวซองต์คาราเมลอัลมอนด์ หอมเนยสุดๆ และ สตรอเบอร์รี่มัทฉะนมสด รสละมุนหวานกำลังดี จับคู่กินด้วยกันคือเข้ากันลงตัวมาก

บอกเลยว่าที่นี่คือคาเฟ่ที่ให้ฟีลไปแคมป์ปิ้งพร้อมจิบเครื่องดื่มอร่อยๆ ไปในตัว เป็นอีกจุดที่ควรแวะก่อนเข้าที่พักแน่นอน

เย็นนี้เรามาเช็คอินที่ ภูอิงธาร ที่พักสุดกรีนในอำเภอสวนผึ้ง ที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้ ป่าสน และภูเขาใหญ่ มาพร้อมน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านกลางรีสอร์ท เรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบของแท้


ที่พักกลางธรรมชาติ ฟังเสียงน้ำตกทั้งคืน~

คืนนี้เราเลือกพักที่ บ้านภูนับดาว บ้านถ้ำใต้น้ำตกสุดยูนีค ที่ออกแบบให้เหมือนอยู่ในถ้ำจริงๆ แต่ภายในห้องตกแต่งสวยหรูด้วยโทนสีขาว มีเตียงใหญ่ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ


จุดไฮไลท์ของห้องนี้คือ ระเบียงดาดฟ้า ที่สามารถขึ้นไปนั่งชมดาวตอนกลางคืนได้แบบใกล้ชิดสุดๆ สมชื่อภูนับดาวจริงๆ


เก็บของและนอนพักกันสักพักเราก็ออกไปเดินเล่นกันที่ น้ำตกเก้าโจน

น้ำตกเก้าโจน หรือ น้ำตก 9 ชั้น เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้กับภูอิงธารเลยล่ะ โดยน้ำตกนี้มีถึง 9 ชั้น ตามชื่อ บรรยากาศร่มรื่นสุดๆ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี


บรรยากาศร่มรื่นมาก แถมน้ำก็เย็นสดชื่นสุดๆ ถ่ายรูปกันเพลินๆ

ใครชอบเดินป่าเบาๆ แนะนำเดินขึ้นไปถึงชั้น 6 หรือชั้น 9 เพราะวิวด้านบนสวยมาก มองเห็นน้ำไหลลดหลั่นลงมาและได้ยินเสียงน้ำก้องป่า เป็นอีกจุดที่ทำให้รู้เลยว่าทำไมสวนผึ้งถึงเป็นเมืองแห่งธรรมชาติจริงๆ



เที่ยวชมน้ำตกได้รูปสวยๆ พร้อมสูดอากาศสดชื่นๆ

หลังจากกลับที่พักมาท้องก็เริ่มร้อง ช่วงค่ำเราเลือกสั่ง ชุดหมูกระทะ จากที่พัก ราคาชุดละ 350 บาท บอกเลยว่าเป็นเซ็ตที่จัดเต็มมาก ทั้งหมูสามชั้น หมูหมัก หมูสไลด์ ผัก วุ้นเส้น น้ำจิ้มครบสามแบบ ทั้งแจ่ว สุกี้ และซีฟู้ด นั่งกินหมูกระทะริมเสียงน้ำตก บอกเลยว่าเป็นโมเมนต์ที่มีความสุขสุดๆ



เช้าวันที่ 2 เราตั้งใจตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปที่ ตลาดโอ๊ะป่อย จุดเช็คอินสวนผึ้ง ยอดฮิต โดยชื่อ “โอ๊ะป่อย” มาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “พักผ่อน” ซึ่งก็สมชื่อมาก เพราะบรรยากาศตลาดร่มรื่นสุดๆ มีลำธารใสไหลผ่านกลางตลาด


ตลาดเช้าริมลำธารสุดน่ารัก มาพร้อมพิธีตักบาตรพระล่องแพ

ไฮไลท์ของที่นี่คือทุกเช้าเวลาประมาณ 07.30 น. จะมี พิธีตักบาตรพระล่องแพ ซึ่งเป็นประเพณีอันสวยงามของชุมชนบ้านท่ามะขาม พระจะพายแพไม้ไผ่มาตามลำธาร และชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวจะตักบาตรกันริมฝั่งน้ำ เป็นภาพที่เรียบง่ายแต่งดงามและอบอุ่นหัวใจมาก


หลังจากทำบุญเสร็จ เราก็หาเมนูอร่อยๆ สำหรับมื้อเช้าในตลาดนี้เลย มีทั้งผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง รวมถึงขนมพื้นบ้านอีกเพียบ ราคาก็น่ารักสบายกระเป๋าสุดๆ


เดินเล่นชมของฝากแฮนด์เมดจากคนในชุมชนก่อนกลับ เรียกว่าได้ทั้งบุญ ทั้งของกิน และได้ของฝากครบจบในที่เดียว


ขับต่อจากตลาดโอ๊ะป่อยไม่ไกล เรามาจิบกาแฟและเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Coffee MAT คาเฟ่ลำธารสุดชิลล์ ตั้งอยู่ในที่พัก Shade of Green ตัวร้านตกแต่งเรียบง่าย ใช้วัสดุจากธรรมชาติ กลมกลืนกับป่าและเสียงน้ำที่ไหลเอื่อยๆ บอกเลยว่าสดชื่นมาก



มุมเด็ดของร้านคือโซนสามารถนั่งจิบกาแฟไปพร้อมสัมผัสความเย็นของลำธารได้เลย เมนูแนะนำคือ มัทฉะลาเต้ และ โกโก้ หวานละมุนกำลังดี


จิบกาแฟพร้อมแช่เท้าน้ำเย็นๆ ฟินๆ~ พูดคุยกันเพลินๆ

ก่อนกลับกรุงเทพฯ เรามาเช็คอินส่งท้ายทริปกันที่ Alpaca Hill ฟาร์มสัตว์สุดคิ้วท์แห่งแรกของไทย ที่รวมสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ไว้ในบรรยากาศแบบฟาร์มยุโรป



ไฮไลท์คือ อัลปาก้า สุดน่ารัก ขนนุ่มน่ากอด น้องๆ แต่ละตัวคือเชื่องมาก สามารถเข้าไปลูบหัว ป้อนอาหาร ถ่ายรูปคู่ได้แบบใกล้ชิดเลยนะ

ปิดท้ายทริปด้วยความน่ารักของอัลปาก้า

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสัตว์อื่นๆ ให้ชมอีกเพียบ เช่น คาปิบาร่า จิงโจ้เผือก เม่นแคระ แพะ นกฮูก



ไปจนถึงโซนไฮไลท์ อย่าง บ้านฮอบบิท ที่จำลองจาก The Lord of the Rings บอกเลยว่าเหมือนหลุดเข้าไปในหนังเลยล่ะ บรรยากาศน่ารักมาก มองไปทางไหนก็เจอแต่ความร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า

ใครมาแล้วอยากถ่ายรูปคู่กับฝูงห่านตัวขาวๆ แนะนำให้ซื้ออาหารมาล่อสะหน่อย รับรองได้รูปสวยลงอวดโซเชียลเพียบ!

บอกเลยว่า Alpaca Hill เป็น ที่เที่ยวราชบุรี ที่ทั้งเด็กๆ น้องๆ หนูๆ และผู้ใหญ่ต้องหลงรักที่นี่แน่นอน เป็นจุดเช็คอินปิดทริปที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มสุดประทับใจเลย


และทั้งหมดนี้ก็คือ เที่ยวราชบุรี 2 วัน 1 คืน สูดอากาศธรรมชาติ ชมภูเขาหิน เช็คอินคาเฟ่ นอนริมน้ำตก ถ้าใครกำลังมองหาทริปสั้นๆ ใกล้กรุงเทพฯ แบบครบทั้งธรรมชาติ คาเฟ่สวย ที่พักฟีลรีสอร์ทกลางป่า และกิจกรรมเช้าอย่างการตักบาตรพระล่องแพ ต้องลองจัดแพลนมาตามรอยทริปเที่ยวราชบุรี 2 วัน 1 คืน บอกเลยว่า ได้ทั้งพักใจ เติมพลัง และเก็บภาพสวย ๆ กลับไปเต็มกล้องแน่นอน

พร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋า ออกเดินทางไป เที่ยวราชบุรี 2 วัน 1 คืน สูดอากาศธรรมชาติ ชมภูเขาหิน เช็คอินคาเฟ่ นอนริมน้ำตก แล้วไปเช็คอิน 5 คาเฟ่ราชบุรี วิวสวย บรรยากาศดีน่ามานั่งชิลล์ใกล้ชิดธรรมชาติ สำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัวขอแนะนำ 5 วิธีเดินทางไปสวนผึ้ง ราชบุรี แบบไม่มีรถส่วนตัว ฉบับมือใหม่ก็ไปได้