tripgether.com

ยื่นใบลาหนีหน้าเจ้านาย ไปเที่ยวภูเก็ต เตร็ดเตร่ทั่วเกาะ 3 วัน 2 คืน ในงบ 5000

47,930 ครั้ง
27 มี.ค. 2560

เวลานั้นผ่านไปเร็วจริงๆ นั่งทำงานแพร้บๆ ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว รู้ตัวอีกทีก็เหนื่อยหนักเพราะร่างกายมันอยากพักผ่อน จะให้รอวันหยุดยาวก็จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินไม่ทันคนอื่นเขา แถมการเที่ยวช่วงหน้าเทศกาลก็ไม่ได้ทำให้เราได้พักผ่อนสักเท่าไร เพราะต้องค่อยแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับคนอื่น งั้นถึงเวลาที่เราต้องใช้สิทธิ์ลาพักร้อนไปเที่ยวกันแล้วล่ะ และการเดินทางหนีหน้าเจ้านายก็เริ่มขึ้นไปพักผ่อนกับ ทริปยื่นใบลาหนีหน้าเจ้านายไปเที่ยวภูเก็ต เตร็ดเตร่ทั่วเกาะ 3 วัน 2 คืน ในงบ 5000


Day: 1 “ยินดีที่ได้รู้จักภูเก็ต”

ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยสารสายการบิน เพื่อประหยัดเวลาเดินทางให้เราได้มีเวลาเที่ยวเล่นกันมากขึ้น จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงสนามบินภูเก็ตแล้วค่ะ และเมื่อมาถึงสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ จะมีแท็กซี่ให้บริการอยู่ด้านหน้า (แต่แอบกระซิบนิดนึ่งว่าราคารถที่นี่ค่อนข้างแรงทีเดียว) แต่ถ้าไม่ได้รีบไปไหน จากสนามบินจะมีรถบัสของสนามบินให้บริการ (สนามบิน-ตัวเมือง-ป่าตอง-กะตะ) หากใครจะไปป่าตองก็ต้องนั่งรถมาลงได้ที่ห้างจังซีลอนในราคาคนละ 180 บาท แต่ถ้ามาหลายคนก็จัดรถแท็กซี่โล้ด! ราคาก็แล้วแต่จะต่อรองมาหลายคนก็ตัวหารเยอะหน่อย

ระหว่างทางก่อนไปยังป่าตอง เราได้ให้พี่แท็กซี่แวะที่วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราม วัดเก่าวัดแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวภูเก็ตมาอย่างยาวนาน เพื่อไหว้พระเสริมสิริมงคล นัมสการขอพรหลวงพ่อแช่มกันสักหน่อยเอาเกฤษ์เอาชัยให้เดินทางกันปลอดภัย

และก่อนที่พวกเราจะไปเที่ยวเล่น ก็ต้องหาที่พักสำหรับคืนนี้กันก่อน ซึ่งก่อนที่เราจะถึงภูเก็ตได้จองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้วที่ “หลับดี ภูเก็ต ป่าตอง” ซึ่งเป็นที่พักเปิดใหม่ ช่วงนี้เลยมีราคาโปรโมชั่น เราเลยต้องรีบจัดกันสักหน่อย ก้าวแรกที่มาถึงก็พูดได้เลยว่า “เราเลือกที่พักได้ดีจริงๆ”

สำหรับหลับดี ภูเก็ต ป่าตอง หลายคนอาจจะคุ้นชื่อหลับดีกันมาบ้าง เพราะที่พักนี้เป็นโฮสเทลที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้ทางหลับดี ได้ออกมาเปิดในต่างจังหวัดซึ่ง ก็คือภูเก็ต และด้วยคอนเซ็ปต์ของเขาที่ต้องการเปิดในย่านที่สะดวกสบาย เดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ง่ายจึงมาลงเอยที่ป่าตองนั้นเอง

และด้วยความที่เราเดินทางกันมาเหนื่อยๆ เลยขอเช็คอินเข้าห้องพักเก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตากันสักหน่อย

สำหรับห้องของเราคืนนี้จะเป็นห้อง Dorm ราคาคนละ 450 บาท ซึ่งเป็นห้องพักรวมในห้องจะมีด้วยกัน 4 เตียง แต่ด้วยความโชคดีเพราะโรงแรมเพิ่งเปิด ห้องนี้จึงเหมือนเราได้เหมาไว้กับเพื่อนแบบส่วนตัว

สำหรับคนที่ชอบเดินทางคนเดียวห้องนี้ก็โอเคเลยค่ะ เพราะนอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่แน่นอน และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะแยกโซนชาย โซนหญิงไว้อย่างดี อีกทั้งยังมีล็อกเกอร์เก็บของขนาดใหญ่ให้คุณได้เก็บกระเป๋า มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากมาย เรียกว่าครบทุกความต้องการแน่นอน

ในส่วนของห้องน้ำก็มีให้เลือกใช้หลายห้องไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรอคิว หรือมีคนแย่ง มีไดร์เป่าผม มีผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผม และที่สำคัญเน้นความสะอาดสุดๆ

แต่สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ที่นี่เขามีห้องแบบ Private Room ให้เลือกอีก 2 แบบคือ Junior และ Deluxe ราคาก็จะเริ่มต้นที่ประมาณพันนิดๆ ไม่แพงมาก ทั้งสองแบบจะต่างกันในส่วนของพื้นที่ห้องที่เพิ่มขึ้น และสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นถ้าเป็นห้อง Deluxe ก็จะมีเครื่องชงกาแฟไว้บริการแบบส่วนตัวด้วย ถ้าสนใจก็ลองโทรสอบถามกันได้ที่เบอร์โทร.076 530 100

เก็บกระเป๋าชมห้องพักชมบรรยากาศที่พักกันสักนิด เผื่อครั้งหน้ามาจะได้แอบมานอนห้อง Private สักครั้ง… แต่มาถึงภูเก็ตยังไม่ได้กินอะไรเลย! เลยขอแวะกินอะไรรองท้องกันก่อนที่ห้องอาหารของที่พัก

ห้องอาหารที่นี่บรรยากาศสบายๆ มีความเป็นอาร์ทติสบวกความเก๋ไก๋ๆ ทั้งการดีไซน์ตกแต่งห้องอาหาร และยังรวมไปถึงเมนูอาหารแบบ DIY ที่มีให้บริการตลอดทั้งวันอีกด้วย ซึ่งราคาก็ไม่แพง มื้อนี้จัดไปคนละ 150-200 บาทเท่านั้น

พอหนังท้องตึงขาก็เริ่มขยับ!! เอาเป็นว่าถึงเวลาลุยเที่ยวกันแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันที่หาดป่าตองก่อนเลยกับชายหาดที่ได้ชื่อว่าคึกคักและมีสีสันสุดๆ

นอกจากมาเดินเล่นชายหาดขาวๆ หรือจะนอนอาบแดดเก๋ๆ แล้วชายหาดป่าตองยังมีกิจกรรมทางน้ำให้ทำอีกเพียบทั้งพาราเซล เจ็ทสกี นวดแผนไทย และยังมีร้านอาหารเลียบหาดอีกหลายร้านเลย เอาเป็นว่ามาย่านป่าตองนี้ไม่ต้องกลัวอดกลัวเหงาแน่นอน

แต่ด้วยความที่พวกเราอยากถ่ายรูปเก๋ๆ วันนี้เราขอวางแผนเที่ยวเก็บบรรยากาศในตัวเมืองในย่านเมืองเก่า ซึ่งจากย่านป่าตองสามารถหาเช่ารถมอเตอร์ไซต์ รถยนต์ขับเที่ยวกันได้ และจากที่พัก “หลับดี ป่าตอง ภูเก็ต” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ก็ถึงตัวเมืองแล้วค่ะ

และเมื่อมาถึงกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่สาวๆ อย่างเราต้องทำหน้าที่อย่างจริงจังกับการโพสท่าถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆ

บริเวณย่าน Old Town จะมาสามารถเดินลัดเลาะเข้าซอยนู้น ออกซอยนี้ได้สบายๆ และย่านนี้ก็มีร้านคาเฟ่น่ารัก ร้านโปสการ์ด ของฝากเก๋ๆ ให้เราได้แวะหลายร้านทีเดียว

จะสังเกตุได้ว่าตึกในย่านที่ทั้งแถบ นั้นยังคงเป็นสถาปัตยกรรมเก่า บ้างร้านอาจจะรีโนเวทให้ใหม่ขึ้นแต่ก็ยังคงความเป็นภูเก็ต ในสไตล์ชิโนโปรตุกีสให้เราได้สัมผัสกันแบบไม่มีเบื่อเลยทีเดีย

หอนาฬิกากลางเมืองภูเก็ต ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ทาด้วยสีเหลืองโดดเด่นทีเดียว

เดินเล่นกันจนเหนื่อย ถ่ายรูปกันจนเม็มเต็ม เผลอแปบเดียวเวลาก็ผ่านมาอย่างรวดเร็วๆ มื้อเย็นเราเลยไปนั่งกินข้าวเย็นกันที่ร้านตู้กับข้าว ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านใหม่ที่เพิ่งมาเปิดได้ไม่นาน แต่เด็ดทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศทีเดียว

ในร้านก็ตกแต่งหรูๆ มีเก้าอี้หลุยส์ เสิร์ฟอาหารบนจานลายคราม เอาเป็นว่ามื้อนี้ขอจัดหรูสักหน่อย กับเมนูอาหารไทย อาหารพื้นบ้านที่มีให้เลือกสั่งกันเพียบ

และในช่วงค่ำในย่านตัวเมืองยังเปิดไฟแสงสีในย่านเมืองเก่าให้เราชมเพลินๆ ระหว่างกำลังเดินทางกลับที่พัก


 Day: 2 “เตร็ดเตร่ ทำตัวเท่ๆทั่วเกาะ”

เช้านี้เราตื่นมากินข้าวกันที่ห้องอาหารของที่พัก เพราะได้ยินมาว่าเมนูเช้าที่นี่เขาเป็นแบบ DIY ที่เราสามารถสนุกๆไปกับการทำอาหาร งั้นต้องมาลองกันสักหน่อย

รักสุขภาพ ชอบอะไรเฮฟตี้ๆ ก็ต้องเมนูนี้ “Healthy” ซึ่งก็จะมี Granola Yoghurt Stick กับ Scooping Fruit (200฿)

หรือจะจัดเป็นเมนูง่ายๆ แบบABF ก็มีให้เลือกสั่ง เพิ่มชีส เพิ่มเบคอนกันได้อีก (150฿)

สำหรับโปรแกรมวันนี้ พวกเราตั้งใจว่าจะขับรถเที่ยวรอบๆ เกาะแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง เจอที่ไหนสวยก็แวะถ่ายรูปกันเก๋ๆ แต่ก่อนที่จะไป ขอทำกิจกรรมในที่พักยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เพราะที่นี่เขากิจกรรมเยอะจริงๆ ทั้งยิมมวยไทย โต๊ะพูล สระว่ายน้ำซีทรู และกิจกรรมในแต่ละวันยังไม่ซ้ำอีก กับ Daily Activities (อะไรจะดีเบอร์นั้น…)

ทำกิจกรรมกันพอเรียกเหงื่อ เราก็ขอมุ่งหน้าไปยังหาดกะรน หาดกะตะ และหาดกะตะน้อย ซึ่งทำ 3 หาดนี้ตั้งอยู่ใกล้กัน ชายหาดบริเวณนี้ค่อนข้างยาว หาดทรายสะอาด เหมาะที่จะมานั่งพักผ่อน เดินน้ำทะเลชิลๆ ในยามเย็น

เดินเล่นริมชายหาดกันสักพัก ก็ขับรถไปชมวิวกันที่จุดชมวิวกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาะนี้นั้นคือภาพจากมุมสูงที่จะมองเห็นหาดทั้งสามเชื่อมต่อกันคล้ายเป็นรูปเลข3

จากจุดชมวิวเราขับรถมาตามทางเรื่อยๆ ผ่านขึ้นเนินเขาไปแบบเอื่อยๆ ก็ต้องมาสะดุดกับร้านอาหารข้างทางวิวหลักล้านกันที่ร้านส้มตำยายติ๊ก

ร้านนี้เป็นร้านเพิงไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ริมทางขึ้นเขา เมนูอาหารก็เป็นแบบบ้านๆ มีส้มตำ อาหารตามสั่งราคาเบาๆ เริ่มที่ 50 บาท และตอนนี้ท้องพวกเราก็ร้องกันโครกครากทีเดียว เลยจัดมื้อกลางวันกันคนละจานที่ร้านนี้ซะเลย โดยค่าอาหารรวมๆ แล้วมื้อนี้หมดไปคนละ 100 บาท

เติมพลังกันเรียบร้อย ก็ขับรถชิลๆ กินลมกันต่อ ซึ่งจากร้านอาหารระหว่างจุดชมวิวกะรน เราไปต่อกันที่หาดในหานซึ่งหาดนี้ค่อนข้างจะคึกคัก บริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงแรมใหญ่ๆ

หาดทรายอดยาวโค้งรับกับหน้าหาดอย่างสวยงาม หากมองไปทางขวามือจะเป็นที่ตั้งของโรงแรม Jungle Beach ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา

และเมื่อมองไปทางขวาจะเป็นกังหันลม ที่เป็นจุดหมายต่อไปของเรานั่นเอง

และนอกจากชายหาดสวยๆ แล้ว หาดในหานยังมีลานต้นสน ที่ให้เราเงาสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากพักผ่อนชิลๆ ได้อีกด้วยนะ

นั่งเล่นชมบรรยากาศหาดในหานกันสักพัก เราก็เดินทางไปยังกังหันลมที่เรามองเห็นกันเมื่อสักครู่ต่อ ซึ่งกังหันลมที่เราเห็นนั่นจะเป็นพื้นที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั่นเอง

และยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะภูเก็ตอีกด้วย และยังตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากแหลมพรหรมเทพ ใครที่ผ่านมาชมวิวแหลมพรหมเทพก็ขับรถเลยหน่อยเดียวก็ได้ชมอีกหนึ่งมุมสวยๆ ของเกาะภูเก็ตแล้ว

บริเวณจุดชมวิวจะมีศาลาให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งพักผ่อน เอนกายชมวิวกันแบบเก๋ๆ

จากจุดชมวิวกังหันลม เราถ่ายรูปกันเพลินทีเดียว เกือบลืมไปเลยว่าเรายังมาไม่ถึงแหลมพรหมเทพ และจากจุดชมวิวกังหันลม ขับรถไปไม่กี่นาทีก็ถึงบริเวณแหลมพรหมเทพแล้วค่ะ

ซึ่งบริเวณนี้ก็จะคึกคักไปด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมาย เพราะใครๆ ก็กลัวกับคำว่ามาภูเก็ตไม่มาแหลมพรหมเทพ นั่นเหมือนมาไม่ถึง งั้นเรามาถึงแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปมุมฮิตกันสักหน่อย

ทริค: สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ในแต่ละเดือนช่วงเวลาจะต่างกัน

จากแหลมพรหมเทพ ขับรถลัดเลาะตามรถมาเรื่อยๆ จะมาตัดกับถนนเลียบหาดราไวย์

หาดราไวย์ เป็นชายหาดที่ท้องทะเลแน่นไปด้วยเรือของชาวประมงลำเล็กลำน้อย ให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเลที่ยังคงใช้เรือหางยางออกทะเล แต่บางลำก็ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาให้บริการนำเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ

วันนี้เราออกไปเก็บบรรยากาศธรรมชาติทั้งทะเล ภูเขาที่ทำให้เราได้สูดลมหายใจแบบเต็มปอด ช่วงค่ำเลยขอแวะไปเพิ่มสีสันกับอีกหนึ่งย่านฮิตของภูเก็ตที่ถนนบางลา แต่ต้องขอกลับไปอาบน้ำแต่งตัว ทาแป้งหอมๆ ก่อนจะออกไปลุยกัน ซึ่งจากที่พักเราสามารถเดินไปได้เพียง 10-15 นาทีเทานั้นเองค่ะ

บรรยากาศถนนบางลาก็จะคล้ายๆ กับถนนข้าวสารในกรุงเทพฯ สองข้างทางริมถนนเป็นผับ บาร์ แต่ที่เห็นแล้วแปลกตาคงเป็นการเต้นรูดเสาที่มีกันอยู่หน้าร้าน แทบทุกร้านทีเดียว


Day: 3 “แล้วพบกันใหม่”

วันนี้ขอตื่นแต่เช้า ไปนั่งกินติ่มซำ อีกหนึ่งเมนูที่คุณต้องกินเมื่อมาถึงภูเก็ต แต่ด้วยความที่ร้านดังดั่งเดิมปิด ทริปนี้เลยขอจัดกันที่ร้านรุ่นหลานแต่ยังคงความเป็นติ่มซำรุ่นเก๋ากันที่ร้านราชรส ติ่มซำ

สำหรับราคาอาหารร้านนี้ก็ไม่แพงมาก อย่างซาลาเปาเข่งละ 25 บาท ติ่มซำ ขนมจีบ ก็เริ่มตั้งแต่ที่ราคาเข่งละ 30 บาท สำหรับค่าอาหารมื้อเช้าก็ตกคนละ 200-250 บาท

จากร้านติ่มซำเราขับรถวนดูภาพกราฟิตี้กันสักพัก

ก่อนจะขับรถแวะไปชมความสวยงามที่ได้ยิน โต๊ะข้างๆ พูดถึงอ่าวแหลมหิน จากตัวเมืองใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 10-15 นาที

อ่าวนี้ไม่มีชายหาดสวยๆ ให้เดินเล่น แต่มีจุดให้เราได้นั่งโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ บนแนวก้อนหิน

และมีสวนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนสำหรับคนภูเก็ต

และเนื่องจากวันนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันในช่วงบ่ายๆ จึงมีเวลาไม่มากนักที่จะแวะเที่ยวหาดต่างๆ เลยต้องขอมุ่งหน้าเข้าที่พัก เตรียมเก็บข้าวเก็บของ อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเดินทางกลับ และสำหรับคนที่เช็คเอ้าท์แล้ว แต่รถยังไม่มารับอย่างพวกเรา ทางหลับดี ภูเก็ต ป่าตอง เขาก็มีห้องให้นั่งดูหนังตากแอร์เย็นๆ ด้วยนะ เป็นอีกหนึ่งบริการ ที่พูดได้เลยว่า “คนที่รออย่างเราๆ ประทับใจเป็นที่สุด”

ทริปวันหยุดสั้นๆ ในเกาะที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ กับทริปที่พวกเราอยากชวนเพื่อนที่ทำงานหนักๆ ออกมาพักผ่อนใช้วันลาพักร้อนใหคุ้มค่า… ออกจากห้องแอร์มาสูดกลิ่นไอของธรรมชาติหอมๆ ที่ทำให้เราได้มีแรงขึ้นมาพร้อมกลับเข้าเมืองกรุงฯ ไปลุยงานกันอีกยก และที่ต้องขอขอบคุณสำหรับทริปนี้กับพักเก๋ๆ หลับดี ภูเก็ต ป่าตอง กับการบริการที่เป็นกันเอง ความเป็นมิตร ข้อมูลคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใครที่กำลังมองหาที่พักชิลๆ ชิคๆ เหมือนทริปของเราเน้นการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ แบบง่ายๆ หรือจะเน้นเที่ยวในย่านที่พักของคุณ “เราว่าหลับดี ภูเก็ต ป่าตอง” เกินคุ้มกับราคาที่จ่ายไปแน่นอน…

 

สรุปค่าใช้จ่าย “ทริปยื่นใบลาหนีหน้าเจ้านาย ไปเที่ยวภูเก็ต เตร็ดเตร่ทั่วเกาะ 3 วัน 2 คืน”

ค่ารถในภูเก็ต (เช่ารถขับเอง+ค่าน้ำมันรถ) ประมาณ 5000/3 คนละ 1700 บาท
ค่าห้องพักที่หลับดี ป่าตอง ภูเก็ต คนละ 900 บาท
ค่าอาหารทุกมื้อประมาณคนละ 1500-1700 บาท
ค่าของฝาก ค่าเครื่องดื่ม จิปาถะประมาณ 1000 บาท
รวมประมาณคนละ 5,100 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะจ๊ะ)

 

ทริปเก็ทเตอร์


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ