tripgether.com

10 จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิต หนาวนี้ยังไงก็ต้องไปให้ได้!

2,534 ครั้ง
19 พ.ย. 2567

เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ฝนตกประปราย อากาศเย็นเบาๆ เริ่มพัดผ่านมาบ้างแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการวางแพลนออกทริปตามล่าทะเลหมอกสวยๆ ปลายปีนี้ได้แล้วละค่ะ เตรียมพักกายอันเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักตลอดปี มาชาร์จพลังใจให้กลับมารีเฟรชเริ่มต้นปีใหม่ที่สดใสอีกครั้ง วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จะมาแนะนำ 10 จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิต หนาวนี้ต้องไปให้ได้ เตรียมจดลิสต์ให้พร้อมแล้วลุยกันเลยค่ะ


10 จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิต หนาวนี้ต้องไปให้ได้


1.ดอยผาตั้ง, เชียงราย

ดอยผาตั้ง เชียงราย จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิตจุดแรกที่เราอยากแนะนำให้มาสัมผัสความสวยงามของทะเลหมอกที่นี่ ดอยผาตั้ง อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้า 25 กิโลเมตร เมื่อเราเดินทางมาถึงดอยผาตั้ง เราจะเห็นความคดเคี้ยวของสันเขาที่สวยงามทำให้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของสองประเทศทั้งไทย-ลาว สัมผัสได้ถึงสายลมเย็นพัดผ่านตัวเราตลอกเวลา และแสงแดดยามเช้าที่อบอุ่น ทั้งนี้ดอยผาตั้ง มีลักษณะของสันเขาที่คดเคี้ยวทอดยาว ทำให้มีจุดชมวิวทะเลหมอกที่เป็นไฮไลท์อีกหลายจุด เช่น จุดชมวิวทะเลหมอกผาบ่องประตูสยาม จุดชมวิวทะเลหมอกผาขาด และจุดชมวิวทะเลหมอก เนิน 102 เนิน 103 และเนิน 104 ซึ่งเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ อยู่ทางด้านเหนือของดอยผาตั้ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สูงประมาณ 1,570 เมตร โดยการเดินทางมายังเนิน 104 จะต้องใช้บริการนั่งรถโฟร์วีลไดร์ฟรับ-ส่งจากที่พัก เราสามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมเลย เรียกได้ว่ามาชมวิวทะเลหมอกข้ามปีได้เลย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป ดอยผาตั้ง, เชียงราย


2.กิ่วแม่ปาน, เชียงใหม่

กิ่วแม่ปาน จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิตของใครหลายคน ที่มักจะกลับมาสัมผัสบรรยากาศความสวยงามของทะเลหมอกขาวโพลนที่ปกคลุมทั่วดอยอย่างสวยงาม แถมยังมีอากาศหนาวเย็นสุดฟินเป็นประจำทุกปี กิ่วแม่ปาน ถือเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยตลอดเส้นทางธรรมชาติของกิ่วแม่ปานนี้ที่เราเดินไปเรื่อยๆ นี้ เราจะสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่แท้จริงในระยะทาง 3 กิโลเมตร มีทั้งหมด 15 สถานี ลัดเลาะไปตามแนวเขา โดยสถานีที่เป็นไฮไลท์ของกิ่วแม่ป่านที่ควรแวะเก็บภาพสวย ๆ เช่น จุดที่ 2 น้ำตกลานเสด็จ จุดที่ 7 ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ จุดที่ 8 จุดชมวิวทิวทัศน์ จุดที่ 9 ผาแง่มน้อย ที่เป็นแลนด์มาร์กยอดฮิตของการถ่ายรูป จุดที่ 10 กวางผา จุดที่ 11 กุหลาบพันปี ที่มีอายุหลายร้อยปี และจุดที่ 12 กิ่วแม่ปาน หลังจากที่เราเดินออกจากจุดที่ 12 กิ่วแม่ปานแล้ว เราสามารถเดินแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อจุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด คือ จุดชมพระมหาธาตุนภเมทนีดล จุดนี้เรายังสามารถชมวิวทะเลหมอก วิวภูเขาทอดยาวสวยงามได้อีกด้วย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป กิ่วแม่ปาน, เชียงใหม่

  • Location: อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.ที่ 42
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/Dcg6PadftgzZpsjS9
  • Open-Close: 06.00 – 18.00 น.
  • Price: ค่าบริการไกด์นำทาง 200 บาท/กลุ่ม

3.ทะเลหมอกหยุนไหล ปาย, แม่ฮ่องสอน

ทะเลหมอกหยุนไหล แห่งหมู่บ้านสันติชล แม่ฮ่องสอน จุดชมวิวทะเลหมอกขึ้นชื่ออีกแห่งของแม่ฮ่องสอนที่หลายคนไม่ควรพลาด เพราะทะเลหมอกหยุนไหล เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแบบพาโนรามา 360 องศา วิวด้านหน้าของเราจะเห็นวิวอำเภอปาย และวิวรอบๆ ของเราจะโอบล้อมไปด้วยภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกขาวโพลนนั่นเอง เรียกได้ว่า ถ้าเรามาถึงหยุนไหลแล้วจะถูกต้อนรับด้วยโอบกอดจากทะเลหมอกอย่างแน่นอนเลย

จุดชมวิวหยุนไหล แม่ฮ่องสอน

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป หมู่บ้านสันติชล, แม่ฮ่องสอน

  • Location: หมู่บ้านสันติชล ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/nkNNeBxJhNCGbHARA
  • Fee: ค่ารถขึ้นไปจุดชมวิว 300 บาท/ 6 คน (เหมาหรือแชร์กับคนอื่นๆ ได้), ค่าเข้า 20 บาท/คน

4.ม่อนกะละโกะโจ, แม่ฮ่องสอน

นอกจากจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล จะเป็นแลนด์มาร์กจุดชมวิวทะเลหมอกแม่ฮ่องสอนแล้ว อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่ควรไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือ ม่อนกะละโกะโจ แม้ชื่อจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่จุดชมวิวแห่งนี้อยู่ทางขึ้นไปจุดชมวิวทะเลหมอกกลอเซโล และความสวยงามของทะเลหมอกที่จุดชมวิวทะเลหมอกม่อนกะละโกะโจแห่งนี้ คือ ภาพทะเลหมอกที่หนา ปุกปุย คล้ายปุยนุ่น รอบตัวแบบ 360 องศา ใครที่อยากตื่นมาสัมผัสกับทะเลหมอกที่สวยที่สุดของม่อนกะละโกะโจ ก็สามารถมากางเต้นท์นอนที่นี่ได้เลย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  กะละกะโจ, แม่ฮ่องสอน

  • Location: ม.1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน 
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/5SqyVjbSsrt5FvuS9
  • Phone: 063 793 0019
  • Price: ค่าบริการกางเต็นท์ 100 บาท/คน
  • Open-Close: เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • Facebook: ม่อนกะละโกะโจ

5.บ้านจ่าโบ่, แม่ฮ่องสอน

บ้านจ่าโบ้ แม่ฮ่องสอน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติภูเขาใหญ่น้อยสลับกัน ตั้งอยู่ในอำเภอปางมะผ้า เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่นักล่าทะเลหมอกต้องไม่พลาด มาที่นี่เราสามารถมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา หรือดริปกาแฟยามเช้า ชมวิวทะเลหมอกยามเช้าเสพย์ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างเต็มอิ่ม หรือจะมาค้างคืนที่นี่เพื่อมารอชมทะเลหมอกตอนเช้าก็ฟินแบบสุดๆ โดยที่พักจะเป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้าน มีให้เลือกทั้งลานกางเต้นท์และบ้านพักตามความชอบ มีไฟฟ้าและน้ำพร้อม ใครที่อยากมานอนดูดาว นั่งผิงไฟ สัมผัสบรรยากาศโรแมนติกยามค่ำคืน และตื่นขึ้นมาชมแสงแรกของเช้าวันใหม่ อย่าพลาดที่จะมาบ้านจ่าโบ้กันนะ

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  บ้านจ่าโบ้, แม่ฮ่องสอน


6.ภูทับเบิก, เพชรบูรณ์

ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ ต้องเป็นหนึ่งในแพลน จุดชมวิวทะเลหมอก ของนักล่าทะเลหมอกที่ห้ามพลาด เพราะด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ สดชื่น เขียวขจี และยังมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้โซนภาคเหนือ เช่น จุดชมวิวผาหัวสิงห์ เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกแบบ 360 องศา หากมาในช่วงปลายปีนอกจากทะเลหมอกจะสวยมากๆ แล้ว อากาศยังหนาวเย็น สดชื่นสะใจของใครหลายคนแน่นอน นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่อยากแนะนำ คือ จุดชมวิวแผงม้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่อยู่สูงที่สุด ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ไฮไลท์ของที่นี่ คือ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างชัดเจน และยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นจุดชมวิวผาหัวสิงห์ได้อีกด้วย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  ภูทับเบิก, เพชรบูรณ์


7.เขาค้อ, เพชรบูรณ์

อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอก ที่พลาดไม่ได้ของเพชรบูรณ์ คือ เขาค้อ ที่นี่ยังมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามเช่นเดียวกับภูทับเบิก เช่น จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ จะมองเห็นเขาปู่เขาย่า คล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะสามารถชมวิวทะเลหมอกในมุมมอง 360 องศาได้อย่างสวยงามเช่นกัน และอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่พลาดไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์กลางทะเลหมอก นั่นก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเพชรบูรณ์ มีมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ประดิษฐานเด่นตระการตา และไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนที่ปกคลุมบริเวณวัด ทำให้วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นเหมือนสวรรค์กลางทะเลหมอกนั่นเอง

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  เขาค้อ, เพชรบูรณ์


8.ภูทอก, เลย

ภูทอก เชียงคาน นอกจากจะเป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบริมฝั่งโขงที่ทำให้หลายคนมาพักใจที่นี่แล้ว สำหรับคนที่อยากสัมผัสกับทะเลหมอก มาที่เชียงคานไม่ผิดหวังแน่นอนเลย เพราะที่เชียงคาน ยังมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่ง คือ ภูทอก ใช้เวลาเดินทางจากเชียงคานเพียง 10-15 นาที แต่ต้องนั่งรถของเจ้าหน้าที่ขึ้นมา เพื่อมารอสัมผัสแสงเช้าแรกของวันใหม่ที่ทอแสงสีส้มแดงนวลตา บนทะเลหมอกหนาสีขาว เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจมากๆ เลย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  ภูทอก, เลย

  • Location: ภูทอก อ.เชียงคาน จ.เลย
  • Google Map:https://maps.app.goo.gl/kHhXtgJzykEyjhui7
  • Open-Close: เปิดซื้อตั๋วตี 5.30 น.
  • Fee: ค่ารถขึ้นภูทอกคนละ 25 บาท

9.เขายายเที่ยง, นครราชสีมา

เขายายเที่ยง นครราชสีมา เป็นจุดชมวิวทะเลหมอก ที่ไม่ควรพลาดสำหรับทริปตามล่าทะเลหมอกภาคอีสาน เขายายเที่ยง ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง และมีแนวกังหันลมยักษ์ จุดชมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะคอง นอกจากนี้ที่เขายายเที่ยงยังมีกิจกรรมอย่างการดริปกาแฟริมผาเอาใจสายชิลล์ จิบกาแฟไปชมทะเลหมอกไป หรือจะกินลมชมวิวปั่นจักรยานที่กังหันลม เขายายเที่ยง เรียกได้ว่าฟินสุดๆ ไปเลย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  เขายายเที่ยง, นครราชสีมา


10.เนินช้างศึก, กาญจนบุรี

หากคุณกำลังมีแพลนเที่ยวหมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก แนะนำให้ลองขึ้นมาสัมผัสทะเลหมอกยามเช้า ชมรอยต่อชายแดนไทยพม่าที่ จุดชมวิวเนินช้างศึก หรือ ยอดดอยปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี เมื่อเราเดินทางขึ้นมายังเนินช้างศึกแล้ว เราจะเห็นหมอกหนาปกคลุมรอบตัว มองเห็นเทือกเขาตะนาวศรีทอดยาวสวยงามแบบ 360 องศา และไฮไลท์ คือ วิวทะเลหมอกยามเช้า พร้อมแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ โผล่พ้นมวลเมฆขึ้นมาแสดงถึงการเริ่มต้นวันใหม่ และยังสามารถรอชมพระอาทิตย์ตกลาลับขอบฟ้าในยามเย็นได้อีกด้วย

ข้อมูลควรรู้ก่อนไป  เนินช้างศึก, กาญจนบุรี


ใครที่มีแผนกำลังไปล่าทะเลหมอกสวยๆ ในปลายปีนี้ อย่าลืมเช็คลิสต์จาก 10 จุดชมวิวทะเลหมอก ยอดฮิต หนาวนี้ต้องไปให้ได้ จะได้ไม่พลาดจุดชมวิวทะเลหมอกในแต่ละแห่งที่มีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกัน หรือถ้าใครมีแพลนหาลานกางเต็นท์สัมผัสทะเลหมอก เราก็จัดไว้ให้แล้ว 5 ลานกางเต็นท์ดูทะเลหมอก โลเคชั่นแจ่มแจ๋ว โดนใจสายแคมป์ปิ้ง หรือจะนอนบ้านพักสบายๆ วิวสวย ตามพิกัดนี้มาเลย 5 ที่พักดูทะเลหมอกหน้าฝน นอนฟินได้ไม่ง้อหน้าหนาว!


ผู้เขียน
เรื่องที่คุณอาจสนใจ