Barakat Lunla Land Cafe & Farm คาเฟ่หนองจอก พาเช็คอินดินแดนแห่งความสุข
17,962 ครั้ง
29 ส.ค. 2565
17,962 ครั้ง
29 ส.ค. 2565
วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ เพื่อนๆ มีที่เที่ยวกันหรือยัง ถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหน ทริปเก็ทเตอร์ขอแนะนำที่เที่ยวในกรุงเทพฯ อย่าง หนองจอก ย่านเล็กๆ แถวชานเมืองกรุงเทพฯ ที่ยังคงเงียบสงบและมีพื้นที่สีเขียวอยู่เยอะมาก ไม่บอกไม่รู้จริงๆ ว่ายังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ถ้าใครมาหนองจอกแล้วยังไม่รู้จะกินเที่ยวที่ไหนดี ทริปเก็ทเตอร์ก็ขอแนะนำที่นี่เลย “Barakat Lunla Land Cafe & Farm” บอกเลยว่าเป็นแลนด์มาร์กหนองจอกที่ต้องมาเช็คอิน ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีความพิเศษอะไรรอเราอยู่บ้าง ก็ตามไปดูกันเลยใน Barakat Lunla Land Cafe & Farm คาเฟ่หนองจอก พาเช็คอินดินแดนแห่งความสุข
บารอกัตลั้นลาแลนด์ คาเฟ่ & ฟาร์ม (Barakat Lunla Land Cafe & Farm) ร้านอาหารและคาเฟ่ย่านหนองจอก มาพร้อมกับเนื้อที่กว้างขวางกว่า 15 ไร่ ทำให้ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารและคาเฟ่เท่านั้น แต่ยังเป็นฟาร์มกว้างใหญ่ที่มาพร้อมกิจกรรมมากมายให้ลองทำ บอกเลยว่ามาที่นี่ที่เดียวคุ้มแน่นอน และที่สำคัญคือที่นี่เป็นร้านอาหารฮาลาลด้วยนะ
บารอกัต เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า ความจำเริญ ความมงคล และการมีความสุข ดังนั้นบารอกัตลั้ลลาแลนด์จึงเป็นพื้นที่สำหรับความสุขสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ร้านตั้งอยู่บนถนนคู้คลองสิบ เมื่อเข้ามาที่หน้าร้านก็จะพบบ้านสีขาวสไตล์นอร์ดิกหลังใหญ่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจี มองเห็นวิวทุ่งนาอยู่ที่ปลายขอบฟ้า สามารถจอดรถที่หน้าร้านได้เลย มีที่จอดรถเยอะมากๆ ด้านหน้าร้านเป็นสวนตกแต่งอย่างสวยงาม มีโซนที่นั่งเอาท์ดอร์ในสวน ใครนั่งตรงนี้ไม่ต้องกลัวร้อนเลย เพราะแต่ละโต๊ะมีร่มคันใหญ่คอยบังแดดให้ด้วย
ถ่ายรูปเช็คอินกันที่หน้าร้านสักหน่อย
ตัวคาเฟ่จะเป็นบ้านสองชั้น สามารถนั่งได้ทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง โดยทางขึ้นไปชั้นสองจะอยู่ที่บันไดด้านนอก ส่วนเคาน์เตอร์สั่งอาหารจะมีแค่ที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
ภายในตกแต่งเรียบง่าย มีมุมให้ถ่ายรูปเบาๆ สำหรับโซนอินดอร์มีทั้งหมด 15 โต๊ะ
ผนังของทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองจะเป็นกระจกใสบานใหญ่ทั้งแถบ แต่ถ้าอยากได้มุมไฮไลท์จริงๆ ก็ขอแนะนำเป็นชั้นสองเลย เพราะสามารถชมวิวด้านนอกจากมุมสูงได้อย่างเพลิดเพลิน บอกเลยว่าวิวดีสุด ถ้าใครมาตอนเช้าจะมองเห็นทุ่งนาสีเขียวตัดกับท้องฟ้าสดใส เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีมากๆ
ถัดมาเป็นโซนเอาท์ดอร์ด้านหลัง ที่บอกเลยว่าที่นี่กว้างมากจริงๆ เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกนึงเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวสบายตาเต็มไปหมด เป็นคาเฟ่หนองจอกที่ให้ฟีลสวิตเซอร์แลนด์มาก
มีที่นั่งให้เลือกเยอะมาก กระจายไปทั่วบริเวณร้านเลย บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายมากๆ
โซนซุ้มสำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว
ใครที่มาเป็นแก๊งค์เพื่อนต้องนั่งโต๊ะนี้เลย ดูอลังการมาก
ที่นั่งแต่ละที่ตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศรอบๆ หรือใครอยากได้ฟีลมาปิกนิกในสวน ก็สามารถยืมเซ็ตปิกนิกจากทางร้านได้ ปูเสื่อนั่งชมวิวกันไปแบบชิลล์ๆ ยิ่งใครมาตอนเย็นจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ปลายทุ่งนาด้วย บรรยากาศโรแมนติกสุด
ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้ ใครสายแคมป์ปิ้งก็มีจัดที่นั่งสไตล์แคมป์ให้นั่งกันชิลล์ๆ มองออกไปเห็นวิวทุ่งนากว้างไกลสุดสายตา นอกจากนี้ที่นี่ยังเปิดให้บริการลานกางเต็นท์ด้วยนะ โดยต้องเตรียมอุปกรณ์กางเต็นท์มาเอง ร้านมีบริการน้ำประปาและไฟฟ้าให้ใช้ ถ้าใครมากางเต็นท์ตอนหน้าหนาวจะให้ฟีลเหมือนอยู่เขาใหญ่เลย มีหมอกให้ชมตอนเช้าด้วย ถ้าใครสนใจบริการเซ็ตปิ้งย่างให้จองล่วงหน้า 1 วัน หรือใครสนใจจัดงานอีเว้นท์และงานค่ายกิจกรรมต่างๆ ก็สามารถติดต่อร้านได้เลย
เดินเลือกโต๊ะนั่งกันได้แล้ว ก็มาดูเมนูอาหารกันต่อดีกว่า ที่นี่มีเสิร์ฟทั้งอาหารคาว ขนมเบเกอรี่ และเครื่องดื่ม สำหรับเครื่องดื่มจะมีให้บริการทุกวัน ส่วนอาหารจะมีบริการวันอังคาร – อาทิตย์ ปิดครัวทุกวันจันทร์
เมนูอาหารจะเน้นเป็นเมนูอิตาเลียนสไตล์ฟิวชั่นของทางร้าน วันนี้เรามาพร้อมกับเมนูแนะนำที่ต้องลอง
เริ่มจากเมนูแรก พิซซ่าซีฟู้ด เป็นพิซซ่าเตาถ่านที่บอกเลยว่าเนื้อแป้งหนานุ่มเป็นเอกลักษณ์มากๆ กินพร้อมกุ้งตัวโตเต็มคำๆ บอกเลยว่าฟินสุด ถาดนี้ราคา 320 บาท
ส่วนใครที่ไม่กินอาหารทะเล ที่ร้านก็ยังมีเมนูพิซซ่าหน้าอื่นๆ ให้เลือก ทั้งมาการิต้า ผัก ฮาวายเอี้ยน และปูอัดแฮม
มาต่อกันที่เมนูอาหารจานเดียวกันบ้าง อย่างข้าวเนื้อคั่วสามรส ข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อคั่วปรุงรส เนื้อที่นี่นุ่ม เคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รสชาติจัดจ้าน กินคู่กับข้าว อร่อยสุดๆ จานนี้ราคาเพียง 99 บาทเท่านั้น
ข้าวปลาแกะ เป็นเมนูอาหารจานเดียวเหมือนกัน เนื้อปลาทอดกรอบ แกะก้างมาให้เรียบร้อย กินคู่กับน้ำยำรสเปรี้ยว เข้ากันมาก ราคา 109 บาท
เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูไฮไลท์เลย สเต็กเนื้อออสเตรเลีย จานนี้เป็นเนื้อสันนอก บอกเลยว่านุ่มละมุนลิ้นมากๆ เสิร์ฟพร้อมเฟรนฟรายซ์ทอดโรยเกลือและผักสลัด ใครชอบกินเนื้อต้องมาลองจริงๆ จานนี้ราคา 459 บาท
ปิดท้ายเมนูอาหารคาวด้วย สปาเก็ตตี้ผัดน้ำมันพริกมะกอกแห้ง รสชาติจัดจ้านถึงใจมากๆ ใครชอบกินเผ็ดห้ามพลาด ราคา 129 บาท
มาดูเมนูของหวานกันบ้าง เริ่มจากเค้กดับเบิ้ลช็อก เป็นเค้กช็อกโกแลตรสชาติเข้มข้น ใครชอบช็อกโกแลตต้องสั่ง ราคา 130 บาท
และอีกหนึ่งเมนู พานาคอตตาสตรอว์เบอร์รี่ เป็นเมนูใหม่ล่าสุดของทางร้านเลย เนื้อพานาคอตตานุ่มละมุนลิ้น ตัดกับรสชาติเปรี้ยวหวานของซอสสตรอว์เบอร์รี่ได้เป็นอย่างดี ราคา 89 บาทเท่านั้น
และสุดท้ายก็คือเมนูเครื่องดื่ม วันนี้มีมาแนะนำทั้งหมด 3 แก้ว เริ่มจากด้านซ้ายมือ Passion Barakat เป็นเมนูเครื่องดื่มแนะนำของทางร้าน เป็นน้ำเสาวรสที่มีเบสเป็นชา ใส่เสาวรสสด รสชาติเปรี้ยวหวานถูกใจ ดื่มแล้วสดชื่นมาก ถัดมาคือ Sweet Strawberry เป็นน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่น ท็อปด้วยวิปครีม เนื้อสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ สายหวานต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน และเมนูสุดท้าย Wake Up Berry เป็นเมนูปั่นผสมผสานกันระหว่างมิกซ์เบอร์รี่และมัลเบอร์รี่ เปรี้ยวถึงใจมากๆ ใครสายเฮลท์ตี้ก็เลือกเป็นเมนูนี้ได้เลย
หลังจากกินข้าวกันจนอิ่มท้องแล้ว เราก็มาสนุกกับกิจกรรมกันต่อดีกว่า ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก สามารถเล่นสนุกกันได้ทุกวัย ถ้าครอบครัวไหนพาเด็กๆ มา ที่ร้านก็มีของเล่นต่างๆ ให้บริการเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบับเบิ้ล ที่เป่าฟองสบู่ให้เด็กๆ ได้สนุกกัน หรือจะเป็นเล่นว่าวในทุ่งหญ้าก็ได้ มีพื้นที่กว้างขวางพร้อมรองรับอยู่แล้ว ใครอยากออกกำลังกายสักหน่อย ที่นี่ก็มีจักรยานให้เช่าปั่น ราคา 40 บาท/30 นาที ส่วนใครเป็นสายลุยก็ต้องตามมาทางนี้เลย ที่นี่มีกิจกรรมขี่ม้าที่เป็นไฮไลท์ สามารถลองขี่ม้าแบบมีครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิด คนที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนก็ขี่เป็นอย่างแน่นอน
น้องม้าที่นี่น่ารักและเชื่องมาก
แชะภาพเก็บเป็นที่ระลึกสักหน่อย ให้ฟีลเจ้าหญิงมากๆ ราคาของกิจกรรมขี่ม้าจะเป็นรอบเล็ก 50 บาท และรอบใหญ่ 250 บาท
กิจกรรมยิงธนูก็มีนะ ใครยิงไม่เป็นก็มีครูสอนเช่นเดียวกัน ราคาจะอยู่ที่ 80 บาท/30 นาที
สายลุยมาต่อกันที่กิจกรรมขับรถ ATV สามารถขับรอบคันนาได้เลย ราคาคันละ 150 บาท/15 นาที ถ้ามีคนซ้อนท้ายจะมีบวกราคาเพิ่ม เด็กสูงไม่เกิน 130 ซม. บวกเพิ่ม 30 บาท และผู้ใหญ่บวกเพิ่ม 50 บาท
ส่วนคนรักสัตว์ก็ต้องห้ามพลาดกิจกรรมให้อาหารสัตว์ ที่นี่มีบรรดาสัตว์น้อยใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพะ แกะ กระต่าย เต่า และไก่ สามารถซื้ออาหารแล้วเดินเข้ามาให้ในบริเวณฟาร์มได้เลย น้องๆ แต่ละตัวน่ารักและเชื่องมากๆ อาหารกระป๋องละ 20 บาทเท่านั้น
บอกเลยว่าให้ฟีลเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์มาก
น้องๆ น่ารักกันทุกตัว ถูกใจเด็กๆ แน่นอน
แพะของที่นี่ขี้เล่นสุดๆ บอกเลยว่าวิ่งเล่นกันจนได้เหงื่อไปเลย
ส่วนมุมนี้เป็นบ้านกระต่ายที่ดีไซน์ออกมาน่ารักและมินิมอลมาก เป็นมุมถ่ายรูปลงไอจีได้แบบเก๋ๆ
มีสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กๆ ด้วยนะ สมกับเป็นดินแดนแห่งความสุขจริงๆ สามารถใช้เวลาที่นี่กันได้ทั้งครอบครัว
ปิดท้ายด้วยของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันสักหน่อย เป็นข้าวหอมพันธุ์มาลัยแมนที่ทางร้านปลูกเอง ซึ่งเป็นข้าวหอมพันธุ์ใหม่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้คิดค้นขึ้นเพื่อปลูกในภาคกลาง งดการใช้สารเคมี ซึ่งอาหารของทางร้านจะให้ข้าวที่ปลูกเองทั้งหมด ใครอยากกินต้องมากินที่นี่เท่านั้น ใครติดใจก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ข้าวขาวราคา 100 บาท ส่วนข้าวกล้องราคา 140 บาท
ในวันเสาร์อาทิตย์ ที่นี่ยังมีงานออกร้านขายของ เป็นเหมือนตลาดเล็กๆ ที่เปิดให้โรงเรียนและชุมชนมาเปิดร้าน นอกจากนี้ในช่วงปลายปียังมีจัดงานเทศกาลต่างๆ ตามความตั้งใจของเจ้าของร้านที่ต้องการให้บารอกัตลั้นลาแลนด์เป็นพื้นที่แห่งความสุขของทุกคนและช่วยพัฒนาชุมชนรอบๆ ไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นถ้าใครมองหาร้านที่ตอบโจทย์การพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ในวันหยุด เดินทางไม่ไกล ให้บรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุข ก็ต้องมุ่งหน้ามาที่ บารอกัตลั้นลาแลนด์ คาเฟ่ & ฟาร์ม เลย มาใช้เวลาดีๆ ที่นี่ด้วยกัน รับรองว่าติดใจจนต้องมาซ้ำบ่อยๆ แน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ บารอกัตลั้นลาแลนด์ คาเฟ่ & ฟาร์ม คาเฟ่หนองจอก พาเช็คอินดินแดนแห่งความสุข ต้องลองมาให้ได้สักครั้งนะ ส่วนใครยังสนใจเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ อยู่ ก็ขอแนะนำ 10 ที่เที่ยวอัมพวา – สมุทรสงคราม กินเที่ยวครบทุกสไตล์ แถมใกล้กรุงเทพฯ หรือใครอยากลองไปเที่ยวทางฝั่งปทุมธานีและนนทบุรีดูบ้าง ก็ขอแนะนำ 11 ร้านอาหาร คาเฟ่ปทุมธานี ลิสต์ร้านเด็ด เช็คอินความกรีนใกล้กรุงเทพฯ และ 9 ร้านอาหาร+คาเฟ่นนทบุรี อัปเดต 2022 | พาชิลล์เช็คอินใกล้กรุงเทพ