เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน หนีกรุงมาพักกาย เช็คอินครบทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก
89,291 ครั้ง
17 ก.ค. 2561
89,291 ครั้ง
17 ก.ค. 2561
เหนื่อยกับการทำงานมาทั้งเดือน เข้าช่วงหน้าฝนแต่บรรยากาศยังร้อนระอุแบบนี้ ทริปเก็ทเตอร์อยากชวนหนีงานสัก 2 วัน มาพักผ่อนกับที่เที่ยวสุดกรีนอย่าง เขาใหญ่ กันสักหน่อย ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี แถมยังใกล้กรุงขับรถเพียงสองชั่วโมงก็เร็วกว่า เผลอๆ เร็วกว่าการขับรถกลับบ้านในเมืองอีก ที่สำคัญขอบอกว่าทริปนี้ตะลุยคาเฟ่ชิคๆ และจุดเช็คอินเก๋อีกเพียบ จะมีที่ไหนกันบ้างอย่าช้าลุยกันเลยดีกว่า
เราเดินทางกันช่วงวันธรรมดา เพื่อจะได้ชมบรรยากาศกันแบบเต็มอิ่ม ออกเดินทางจากกรุงเทพ ช่วงสายๆ มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง
กว่าจะถึงเขาใหญ่ก็เที่ยงๆ บ่ายๆ พอดีเลยขอแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน ครัวกำปั่นเขาใหญ่ พอดีมีเพื่อนๆ แนะนำมาว่าอร่อย เลยขอลองลิ้มรสกันสัก 3-4 เมนู
ตัวร้านตกแต่งในสไตล์เรือนไทย ภายในเน้นดีไซน์แบบไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานข้าวที่บ้านคุณตายังไงยังงั้น
อาหารที่นี่จะเป็นสไตล์ไทยๆ มื้อนี่เราสั่ง 4 เมนูทั้ง ต้มข่าไก่ ยำถั่วพู ส่วนเมนูเด็ดยกนิ้วให้ต้อง แกงคั่วหอยขม 200 บาท
ปลาดุกฟูผัดพริกขิง 180 บาท รสชาติเข้มข้นตามแบบฉบับเขาใหญ่
อิ่มท้องกันแล้วก็ถึงเวลาย่อย เราเดินทางกันต่อแบบลุยๆ ไปที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีค่าบำรุงธรรมชาติกันเล็กน้อย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท รถยนต์คันเล็กอีก 30 บาท
ถึงแล้วกับจุดชมวิว กม.30 ขอถ่ายรูปเช็คอินซักหน่อย บอกให้โลกรู้ว่าเรามาถึงแล้ว
ขับเข้ามาภายในอุทยานขอแนะนำให้ขับช้าๆ และลดกระจกลง รับโอโซนกันแบบเต็มอิ่ม เห็นมั้ยว่าหน้าฝนก็เที่ยวได้
ระหว่างทางมีสัตว์ป่ากำลังหาอาหารให้เราชมตลอดทาง ทั้งกวางและลิง แบบใกล้ชิดริมถนนกันเลย หากโชคดีอาจเจอกับช้างด้วยนะ
ขอแวะเก็บภาพบรรยากาศกันอีกจุด อ่างเก็บน้ำสายศร จะเตรียมกล้องมาส่องนกมุมนี้ก็น่าตื่นเต้น
ขับมาอีกนิดขอแวะชมน้ำตกเย็นๆ สักหน่อยที่ น้ำตกเหวสุวัต เรามาถึงน้ำตกช่วงบ่าย 2 ที่นี่จะเปิดให้เที่ยวชม ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น
บรรยากาศฟินสุดๆ มีละอองน้ำปลิวกระทบหน้าสดชื่นพร้อมลุยต่อกันแล้ว
เดินนานท้องก็เริ่มหิวกันอีกแล้ว กับคาเฟ่ชิคๆ น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือนกันที่ ภิรมย์ คาเฟ่
คาเฟ่ดีไซน์เก๋ท่ามกลางบรรยากาศไร่องุ่นและและทะเลสาบใจกลางเขาใหญ่ มีมุมให้นั่งชิลล์รับลมเย็นๆ ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์
สายกินอย่างเราต้องไม่พลาดเรื่องนี้ เมนูเด็ดต้องยกให้กับเมนู Spiced Wedges มันฝรั่งทอดคลุกผงชีส ทานคู่กับ อิตาเลี่ยนโซดากลิ่นซากุระ คลายร้อนไปได้เยอะเลย
เมนูกาแฟที่ภิรมย์เค้าก็เด็ดดวง Pirom Picolo Latte กาแฟดับเบิ้ลช็อตสกัดเข้มข้นจนเหลือช็อตเดียว ปิดทองคำด้านบนเท่ไม่เบา ท้องอิ่ม..ตาตื่น…พร้อมขับรถไปยังที่พักกันต่อ
ที่พักของเราในคืนนี้มาเช็คอินกันที่ เดอะปาซ เขาใหญ่ รีสอร์ทดีไซน์หรูบนภูเขา โดดเด่นด้วยวิวธรรมชาติ ขอบอกว่าบรรยากาศเต็มสิบกันเลย
เราเช็คอินเข้ารีสอร์ทช่วงห้าโมงเย็น คืนนี้เราจะพักกันที่ห้อง Pool Villa ห้องพักสุดคูลมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ดูหรูหราไฮโซเป็นส่วนตัวสุดๆ
ภายในห้องพักก็ตกแต่งได้อย่างโมเดิร์น แบ่งโซนและสัดส่วนได้อย่างลงตัว ที่สำคัญสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
มีอ่างจากุซซี่ให้นอนแช่ผ่อนคลาย ดีต่อใจดีต่อกายสุดๆ
เปียกกันแล้วก็ขอต่อที่สระว่ายน้ำส่วนตัว มีมุมพระอาทิตย์ตกให้ชมกันด้วย ขอบอกว่าโรแมนติกสุด
ตกเย็นท้องก็เริ่มร้องกันอีกแล้ว เดอะ ปาซ มีห้องอาหาร Fave’ Dish ให้บริการด้วยนะ แถมยังดีไซน์สวยบรรยากาศดี จนไม่อยากออกไปไหนกันเลย
ค่ำนี้ขอเลือกเมนูเก๋ๆ เน้นถ่ายรูปสวยมาทานละกัน จัดใหญ่จัดเต็มกินแบบจุกๆ ทั้ง สปาเก็ตตี้ซอสแกงปู และ กะเพรา Duck Confit
ขอบอกว่าไม่ได้สวยแค่หน้าตานะ รสชาติก็เด็ดดวง ส่วนเมนูเด็ดซิกเนเจอร์ The Paz Platter เซ็ตส้มตำและเครื่องเคียงรสแซ่บ มาเยือนแดนอีสานทั้งทีก็ต้องกินให้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อย ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ 295 บาท
อีกหนึ่งเมนูยกนิ้วอย่างพิซซ่าที่ไม่ธรรมดา เพราะที่นี่เค้าเสริฟแบบสองหน้า แถมหน้ายังสุดครีเอท มาทั้งหน้ากระเพราและหน้าไส้อั่ว แป้งบางกรอบ แบบต้นตำหรับ ผสมผสานรสชาติเข้มข้นสไตล์ไทยๆ เรียกว่าหากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ถาดนี้ 450 บาท ทานได้ 3-4 คนกันเลย
ตื่นเช้ามาสูดอากาศที่แสนสดใสกับอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ทานไม่อั้น มีทั้งแบบบุฟเฟ่ต์บาร์และแบบเสริฟเป็นเซ็ตหลากหลายเมนู
จะทานแบบไทยอย่างข้าวต้ม ไข่กระทะ หรือสไตล์นานาชาติ ทั้งอเมริกันแบรคฟาสต์ Egg Benedict ที่นี่ก็มีครบ
ยังไม่จุใจขอตบท้ายของเมนูของหวานที่ Fave’ Cup คาเฟ่สุดชิคภายในรีสอร์ท บรรยากาศฟินสุด เกินบรรยายจริงๆ เมนูเด็ดต้องยกให้กับ ช็อคโกแลตลาวา ช็อคโกแลตเข้นข้นไหลเยิ้มฟินสุด
เช้านี้เราเช็คเอาท์ช่วง 10 โมงเช้า ขอบอกว่าไม่ยากไปจากที่นี่เลยประทับใจสุดๆ แต่ต้องรีบไปเก็บที่เที่ยวอื่นๆ มาฝากทุกคน
ลุยกันต่อขอแวะเล่นน้ำใสไหลเย็นที่ สระบ่อผุด อยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลจากเดอะปาซเท่าไหร่นัก ช่วงเช้าน้ำจะใสมากๆ และที่สำคัญเข้าฟรี!
ดูความใสของน้ำสิเห็นไปถึงด้านล่างกันเลย แต่ต้องเล่นอย่างระมัดระวังด้วยเพราะบางจุดลึกถึง 2 เมตร
น้ำที่นี่จะอุ่นไม่เย็นเหมือนที่อื่น ถ้าไม่อยากเล่นน้ำก็มีมุมชิลล์ให้ถ่ายรูป
ลุยกันต่อแบบไม่พัก แต่ครั้งนี้จะขอมาแบบผู้ดี เดินชมงานศิลปะเสพความอาร์ตกันบ้างที่ เขาใหญ่ อาร์ตมิวเซียม
ภายในหอศิลป์บรรยากาศร่มรื่น จัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียนกันไปทุกเดือน ชมงานศิลปะนี่ก็ผ่อนคลายเหมือนกันนะ
เป็นผู้ดีกันต่อที่ Primo Piazza ที่เที่ยวสุดชิคอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเขาใหญ่ ดีไซน์จำลองหมู่บ้านโบราณของอิตาลี ท่ามกลางบรรยากาศสุดกรีนของเขาใหญ่ บรรยากาศชิลล์สุดๆ ที่สำคัญมีมุมชิคให้ถ่ายรูปกันแบบเพียบ สวยเหมือนอยู่เมืองนอกเมืองนากันเลย
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 18.00 น. มีค่าบริการ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ของฝากก็น่ารัก มีให้ช๊อปกันแบบเพลินๆ
ยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่แต่เริ่มหน้ามืด ขอพักจิบกาแฟสักหน่อยที่ Brider’s lodge ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก Primo Piazza มากนัก ดีไซน์เก๋ไม่เบาแถมยังมากมายด้วยเมนูอร่อย
มุมเก๋บรรยากาศกรีนๆ แบบนี้ สายฮิปสเตอร์อย่างเราจะพลาดได้ยังไง ได้ฤกษ์เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ให้กันอีกแล้ว
เที่ยวเพลินจนลืมเวล่ำเวลากันเลย มองนาฬิกาอีกทีปาไปบ่ายสองกว่าๆ เลยขอแวะรับประทานอาหารสักหน่อยที่ “บ้านนอกคอกนา”
ภายในก็ดีไซน์ได้อย่างน่ารักเน้นวัสดุไม้ไผ่ ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของทั้งทุ่งนาและต้นไม้ แถมยังมีที่พักอีกด้วยนะไว้รอบหน้าจะแวะมานอนสักคืน
ส่วนวันนี้ขอกินให้หนำใจก่อน เมนูเด็ดซิเนเจอร์ ส้มตำและผัดหมี่โคราช รสชาติแบบต้นตำหรับ แซ่บเข้ากับบรรยากาศสุดๆ
มุมเก๋มุมชิคก็เพียบ ผสมผสานความคราฟท์และดีไซน์ได้อย่างลงตัว เรียกว่านั่งชิลล์ได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ เปิดบริการตั้งแต่ 10.00 – 17.00 น.
เป็นยังไงกันบ้างกับทริปเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืนที่ทริปเก็ทเตอร์ไปบุกป่าฝ่าดง เก็บบรรยากาศมาฝากกันในครั้งนี้ คงจะถูกใจสายเซลฟี่สายกินเป็นพิเศษ เพราะมีแต่จุดสวยบรรยากาศดีๆ ทั้งนั้นเลย พักผ่อนให้ร่ายการได้รีเฟรชกันแบบเต็มอิ่ม ยังไงจะเลือกเที่ยวตามแบบเรา หรือปรับเปลี่ยนสลับเพิ่มจุดใหม่ๆ ก็แล้วแต่สะดวก เสร็จแล้วก็อย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์ทริปของคุณกันด้วยนะ