
ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 สายมู ปีมะเส็ง เปิดลายแทงกินเที่ยวจัดเต็ม!
1,343 ครั้ง
6 ก.พ. 2568
1,343 ครั้ง
6 ก.พ. 2568
ถ้าให้นึกถึงสถานที่ที่เดินทางไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ แน่นอนว่าคำตอบก็คงจะเป็น เชียงใหม่ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ จุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะฤดูร้อน ฝน หรือหนาว เชียงใหม่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองแตกต่างกันออกไป แถมยังมีที่พัก ที่สะดวกสบาย อาหารอร่อย กาแฟที่เข้มข้น และที่เที่ยวมากมายถูกใจทั้งสายเที่ยวในเมืองและสายเที่ยวธรรมชาติแน่นอน ทริปเก็ทเตอร์จึงขอเปิดต้อนรับต้นปีด้วย ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 สายมู ปีมะเส็ง เปิดลายแทงกินเที่ยวจัดเต็ม! ตามไปชมบรรยากาศของความสุขและความสนุกด้วยกันเลย
ทริปนี้เรามาเริ่มกันที่ วัดศรีดอนมูล วัดดังที่สายมูรู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของ การลงนะหน้าทอง เพื่อเสริมสิริมงมล เสน่ห์เมตตา ซึ่งที่วัดแห่งนี้มี พระครูบาน้อย เตชปญฺโญ ที่เรียนวิชาการลงนะหน้าทองโดยตรงจากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา มาทำพิธีให้โดยเฉพาะ พร้อมกราบขอพรเสริมสิริมงคล กับ พระประธานหลวงพ่อเพชร อุดมทรัพย์ สมปรารถนา
สามารถจอดรถได้ที่บริเวณหน้าวัดและลานจอดรถข้างวัด (จอดฟรี)
พร้อมแล้วไปดูขั้นตอนการทำพิธีลงนะหน้าทองกันเลย! อันดับแรกเรามา บูชาดอกไม้และเทียนประจำวันเกิด ที่บริเวณซุ้มด้านหน้ากันก่อน จากนั้นเราก็จะไป บูชาชุดลงนะหน้าทองและเครื่องประกอบพิธีต่างๆ
ในส่วนของชุดลงนะหน้าทองก็จะมีให้เลือก 2 ชุด ชุดเล็ก ซึ่งจะประกอบไปด้วย พวงมาลัย เทียนประจำวันเกิด แผ่นทอง 3 แผ่น วัตถุมงคลตะกรุดสาริกา เทียนสีวลีเล็ก ธูปมงคล และน้ำมันว่านไก่แดง ชุดใหญ่ ประกอบไปด้วย พวงมาลัย เทียนประจำวันเกิด แผ่นทอง 9 แผ่น วัตถุมงคลตะกรุดเศรษฐีเงินล้าน เทียนสีวลีใหญ่ ธูปมงคล และน้ำมันว่านไก่แดง สำหรับวัตถุมงคลที่ได้มานั้นสามารถพกติดตัวเพื่อเสริมเมตตา เสริมธุรกิจการค้าขายให้เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดปลอดภัย
ซึ่งแน่นอนว่าได้มีโอกาสมาถึงวัดศรีดอนมูล เชียงใหม่ทั้งทีสายมูวัยทำงานอย่างเราบูชาชุดใหญ่ไปเลย โดยก่อนที่จะเริ่มพิธีจะต้องมาล้างมือลูบหน้าด้วย น้ำส้มป่อย น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่จะล้างเอาสิ่งไม่ดีออกจากตัว และเพื่อความเป็นสิริมงคล มีทริคว่าตอนล้างเสร็จให้สบัดน้ำทิ้ง ห้ามเอามาป้ายตามตัวเด็ดขาด!
ขั้นตอนถัดมาเราจะเริ่มทำพิธีอย่างจริงจังกันในศาลาลานบุญ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลและให้คำแนะนำการลงนะหน้าทองอย่างละเอียดก่อนเข้าไปประกอบพิธีด้านในกับพระครูบาน้อย บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้ขั้นตอนแล้วทำผิด สำหรับขั้นตอนก่อนทำพิธีลงนะหน้าทองกับพระครูบาน้อยเราสรุปมาให้แล้ว ตามนี้เลย
1.เขียนชื่อ – นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด ตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมถึงคำอธิษฐานลงบนเทียนสีวลี
2.ทาน้ำมันว่านไก่แดงและแปะทองคำเปลวบนฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง
หลังจากแปะทองคำเปลวบนฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเรีบร้อยแล้ว ให้นำเอาสิ่งที่เราใช้ในการทำมาหากิน อย่างเช่น กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ หรือกุญแจรถ มาวางไว้ในถาดเพื่อให้พระครูบาน้อยเคาะเสริมสิริมงคล จากนั้นก็ไปนั่งรอที่เก้าอี้รับรองด้านในตามลำดับคิวที่ได้รับ สำหรับคนที่บูชาชุดลงนะหน้าทองชุดใหญ่จะมีเก้าอี้สแตนเลสรองรับอยู่ให้มานั่งรอที่เก้าอี้ได้เลย
พอถึงคิวแล้วเราก็จะนำถาดลงนะหน้าทองไปวางไว้ที่ขันโตกด้านหน้าพระครูบาน้อย พร้อมนำสายสิญจ์สวมที่ศีรษะ พอพระครูบาน้อยเริ่มสวดทำพิธี ให้ค่อยๆ ถูมือที่แปะทองคำเปลว โดยถูมือเข้าหาตัวเอง และถูฝ่ามือจนกว่าทองคำเปลวจะหายไป
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนพิธีด้านหน้าพระครูบาน้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอน บูชาขันครูและพระเจ้า 5 พระองค์ เพิ่มเติม หยิบถาดลงนะหน้าทองเดินไปทางด้านขวามือได้เลย ตามพิธีโบราณเชื่อว่าจะประกอบกิจการสิ่งใดให้สมปรารถนาก็จะต้องเริ่มจากการบูชาครูกันก่อน
ตั้งจิตอธิษฐานขอพรในสิ่งที่ต้องการ พร้อมทำบุญตามกำลังศรัทธา
หลังจากนั้นเราจะกลับมานั่งโต๊ะ ทำพิธีแปะแผ่นทองบนหน้าโดยเจ้าหน้าที่ วิธีการก็จะมีดังนี้
1.ทาน้ำมันว่านไก่แดงลงบนหน้า 5 จุด ได้แก่ หน้าผาก จมูก แก้ม 2 ข้าง และปาก
2.เจ้าหน้าที่จะค่อยๆ แปะแผ่นทองตามจุดทั้ง 5 ระหว่างแปะก็จะอธิบายความมงคลต่างๆ โดยเริ่มกันที่
–หน้าผาก (แปะ 3 แผ่น) เปิดแสงสว่าง มีสมาธิ เพิ่มสติปัญญา
–แก้ม (แปะข้างละ 1 แผ่น) ให้เมตตามหานิยม คนรัก คนหลง
–จมูก (แปะ 1 แผ่น) เสริมอำนาจบารมีและวาสนา
–ปาก (แปะ 1 แผ่น) สาริกา เกี่ยวกับการพูดจา พูดให้คนชมชอบ
3.ท่องคาถาเรียกทรัพย์และอธิษฐานจิต
4.ลูบทองคำเปลวบนหน้าให้หายไปทั้งหมด
พอเราทำพิธีลงนะหน้าทองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำธูปเทียนและดอกไม้ไปไหว้ตามจุดต่างๆ ที่ศาลาพระไตรภาคี
1.นำเทียนประจำวันเกิดหลังทำพิธีมา ไหว้พระประจำวันเกิด
2.นำเทียนที่เขียนชื่อและคำอธิษฐานมา ไหว้พระพุทธรูป
3.ขอพรเทพทันใจ
3.นำธูปเทียนไป ไหว้พระอุปคุต และ จุดธูปตัวเลขมงคล
4.นำพวงมาลัยไปไหว้ หลวงพ่อเพชร อุดมทรัพย์ สมปรารถนา ในวิหาร
ระหว่างทางจะเดินผ่านสวนป่าที่ตกแต่งสวยงาม มีความร่มรื่นมาก
ขั้นตอนสุดท้ายของพิธีลงนะหน้าทองคือเราจะเข้าไปในวิหาร เพื่อนำดอกไม้ไปถวายและกล่าวคำบูชา หลวงพ่อเพชร อุดมทรัพย์ สมปรารถนา องค์พระประธาน หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 12 เมตร ให้ตั้งจิตอธิษฐาน เราสามารขอพรได้ทุกเรื่องเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง โชคลาภ ความก้าวหน้า ความสำเร็จ
ภายในวิหารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยงานประติมากรรมและจิตรกรรมอย่างงดงามเลยทีเดียว
นอกจากนี้วัดศรีดอนยังมี พิธีการใส่ขันดอกบูชา ซึ่งเป็นแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของชาวล้านนา ด้วยการนำขันดอกที่เป็นภาชนะทรงพื้นเมือง บรรจุข้าวตอก ดอกไม้ เพื่อนำมาถวาย หรือใส่ลงบนขันแก้วทั้งสาม ได้แก่ ขันห้าโกฐาก ขันขอศีล และขันนำทาน หรือ สุมาคัวทาน ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าพระประธานในวิหาร เพื่อแสดงออกถึงการนอบน้อมบูชาในพระรัตนตรัย โดยเชื่อว่าอานิสงส์แห่งการถวายข้าวตอกดอกไม้บูชาด้วยความศรัทธา จะทำให้เกิดความสุข ความเจริญ จะส่งผลให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม พรั่งพร้อมด้วยโภคทรัพย์และอริยทรัพย์ เป็นที่รักของเทวดาทั้งหลายนั่นเอง
อิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้าสุดๆ
ก่อนกลับพาทุกคนไปเดินชมความงามของสถาปัตยกรรมกันสักหน่อย บอกเลยว่าที่วัดศรีดอนมูลแห่งนี้เต็มไปด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมที่งดงามทั้งวิหาร อุโบสถ เจดีย์ อีกทั้งในวัดยังจัดภูมิทัศน์ไว้อย่างสวยงาม ตลอดทางเดินมีความร่มรื่นและบรรยากาศโปร่งสบาย
มหานครสังกัสสะ ด้านข้างเป็นงานสลักดุนด้วยเทคนิคบุ-ดุน อันเป็นฝีมือช่างแบบล้านนา เรียกได้ว่าสวยงามและหาชมได้ยากมาก
ทำบุญกราบไหว้ ขอพร ได้รับพลังงานดีๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป เราแวะมานั่งพัก จิบกาแเย็นๆ ใน ร้านอัฟ ฟีโรโมน (af pheromones café.cnx) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ตรงข้ามกับวัดศรีดอนมูลเลย ตัวร้านมาในสไตล์มินิมอล เน้นโทนสีขาวดำ เป็นการผสมผสานความเท่และเรียบง่ายได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วงที่เรามาทางคาเฟ่เค้ากำลังจัดตกแต่งร้านเตรียมต้อนรับเทศกาลตรุษจีนกันพอดีเลย ได้ฟีลสวยเก๋ไปอีกแบบ
ภายในร้านมีที่นั่งให้เลือกเยอะมาก บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการมานั่งพักชิลล์ๆ
เดินเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟเลย ในส่วนของเมนูก็มีทั้ง Coffee และ Non-Coffee ให้เลือกดื่มกันได้อย่างหลากหลาย โดยที่นี่คัดมาเฉพาะเมล็ดกาแฟคุณภาพทั้งจากในไทยและต่างประเทศ นำมารังสรรค์เป็นเมนูกาแฟระดับพรีเมียมมากกว่า 10 เมนู รวมถึงมีให้ดริปกาแฟชิลล์ๆ ด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักกาแฟเลยล่ะ
เมนูที่เราสั่งมาเติมความเฟรชในวันนี้ คือ Espresso Diamond ราคา 85 บาท กาแฟ Blend Medium Roast จากดอยวาวี หอมเข้มข้น คอหาแฟห้ามพลาด สำหรับใครที่เป็นสายชาต้องสั่ง ชาไทย สูตรพิเศษเฉพาะของทางร้าน หอม มัน เข้ม ราคา 70 บาท กับอีกเมนูคือ มัทฉะน้ำผึ้งมะนาว ราคา 120 บาท เปรี้ยวหวานอร่อยสดชื่น ทางร้านใข้เป็นมัทฉะคุณภาพดีเกรดพิธีการ กลิ่นหอมมาก ปิดท้ายด้วย ไอศกรีม soft serve รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น ราคา 30 บาท
อีกเมนูน่าลอง Old – Rose Peachy เลมอนน้ำผึ้งโซดา เมนู Non-offee ราคา 85 บาท จุดเด่นแก้วนี้คือน้ำผึ้งป่าโรยด้วยกลีบกุหลาบ ตกแต่งสวยสุดๆ
ขับรถไปจากวัดศรีดอนมูล ชมบรรยากาศสองข้างทาง ฟังเพลงกันเพลินๆ ประมาณ 30 นาที ก็จะถึงที่พักที่เราจองไว้ในทริปนี้ นั่นก็คือ โรงแรม ทรีสเคป รีทรีท รีสอร์ท (TreeScape Retreat Resort) พิกัดอยู่ใกล้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่พักบรรยากาศดี ท่ามกลางธรรมชาติในอำเภอหางดง ที่มาพร้อมความเงียบสงบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สุดร่มรื่น บรรยากาศผ่อนคลายมาก แถมมีสระว่ายน้ำถึง 3 สระ
แค่ก้าวเข้ามาภายในที่พักก็เหมือนได้เดินทางเข้าสู่ป่าในเทพนิยายเลยล่ะ
สำหรับห้องของ Tree Scape Retreat Resort ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด จำนวน 25 ห้อง 3 รูมไทป์ โดยจะแบ่งออกเป็น Deluxe Room เหมาะสำหรับการเข้าพักแบบเป็นคู่ ภายในห้องกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก ตกแต่งคลีนๆ เน้นสีเบจโทนไม้และสีขาว สบายตาน่านอนสุดๆ ส่วนอีกห้องจะเป็น Deluxe Pool Access เป็นห้องพักที่สามารถมองเห็นวิวสระน้ำว่ายน้ำได้แบบกว้างๆ และวิวสวนได้อย่างใกล้ชิดเหมือนนอนอยู่ในอ้อมกอดของต้นไม้ มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ และระเบียงส่วนตัว แถมสามารถเดินลงมาเล่นหรือว่ายน้ำในสระได้สะดวกสุดๆ
และไทป์สุดท้ายคือห้อง Family Room เป็นห้องพักขนาดใหญ่เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวที่มากันหลายคน ซึ่งทริปนี้เราเลือกจองมาเป็นรูมไทป์นี้เลย โดยห้องที่เราพักคือ ห้อง F204 ความพิเศษของห้องนี้คือจะเป็นห้องเดียวที่เปิดประตูแล้วสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้เลย
พักเอนกายบนเตียงนุ่มๆ ชมวิวด้านนอกให้ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
ภายในห้องพักเป็นแบบ Double Volume ทำให้ห้องดูโล่งโปร่ง สบายๆ เรียกได้ว่าออกแบบมาได้เหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ แถมยังมีหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่สามารถนั่งมองวิวสีเขียวขจีของต้นไม้หรือตื่นเช้ามาจิบกาแฟสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ใจฟูกันได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ดีต่อใจ อยากพักอยู่ที่นี่สักเดือนไปเลย!!
และก่อนจะไปเดินเล่นถ่ายรูปในสวนหมอก แวะเติมพลังมื้อเที่ยงกันสักหน่อยดีกว่า
มองไปทางไหนก็พบกับความร่มรื่น สดชื่นสบายตา
สำหรับจุดที่เป็นไฮไลท์แห่ง Tree Scape Retreat Resort เลยก็คือ สวนหมอก ที่จำลองบรรยากาศของป่าดิบชื้น มีมอส เฟิร์น รวมถึงไอหมอกที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วทั้งสวน สวยสะกดทุกสายตาเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ หรือยามเย็นที่มีพระอาทิตย์สาดลำแสงลอดผ่านต้นไม้เข้ามาตัดกับไอหมอกฟุ้งๆ บอกเลยว่าเป็นภาพที่สวยงามจนรู้สึกเหมือนเราได้หลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายเลยล่ะ
มุมถ่ายรูปเยอะมาก ยืนโพสต์ท่าตรงไหนก็ได้รูปสวย
เริ่มต้นวันใหม่เปิดรับความสุขจากธรรมชาติด้วยเสียงของนกร้องดังอยู่ไกลๆ กิจกรรมแรกของวันนี้คือการออกมากินอาหารเช้ากันที่ห้องอาหารของที่พัก บอกเลยว่าไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่นี่มีครบครันตั้งแต่เมนูไข่ทอด ผัด ต้ม แกง ไปจนถึงสลัดและผลไม้ ของกินเล่น ซีเรียล เครื่องดื่ม เมนู American Breakfast ก็มีให้เลือกหลากหลาย
บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าจะเริ่มตั้งแต่ 07.00 น. ไปจนถึง 10.30 น.
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง! เราจัดเต็มมาทั้งข้าวต้ม ไข่กระทะ สลัด ผลไม้ให้กินกันแบบจุกๆ ไปเลย
จากที่พักมุ่งหน้าสู่ย่านสุดชิคแห่งเชียงใหม่ นั่นก็คือ ย่านถนนนิมมานเหมินท์ แหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว โดยเรามาถึงที่นี่จะเป็นช่วงสายๆ ของวัน เลยแวะกินมื้อ Brunch กันที่ โกปี๊ คาเฟ่ นิมมาน ร้านอาหารเช้าเจ้าดังในย่านนิมมานฯแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งที่นี่เค้าเป็นร้านอาหารเช้าสไตล์ All Day Breakfast ก็คือพร้อมเสิร์ฟอาหารเช้าตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงบ่ายเลยล่ะ ใครนอนตื่นสายก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดเมนูมื้อเช้าแสนอร่อยไป
โกปี๊ คาเฟ่ นิมมาน ตั้งอยู่ในถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 9 ตัวร้านตกแต่งมาในสไตล์จีนผสมโมเดิร์นที่ให้ฟีลเหมือนมานั่งกินข้าวที่โรงเตี๊ยม ภายในร้านมีพื้นที่กว้างขวาง มีที่นั่งให้เลือกทั้ง Indoor และ Outdoor มีลานจอดรถด้านหลัง (ขับเลยร้านมาหน่อยแล้วเลี้ยวซ้ายทางร้านหมวก)
ถ้าใครอยากนั่งรับลมแนะนำเป็นโซนเอาท์ดอร์เลย ร่มรื่นเย็นสบาย เหมือนกินข้าวในสวนบ้านอาม่า
มาดูในส่วนของเมนูอาหารเช้าของที่นี่ บอกเลยว่ามีให้เลือกเยอะมาก มีทั้งของกินเล่น อาหารจานเดียว ข้าวต้มแห้ง ไข่กระทะ ขนมหวาน ติ่มซำ และเครื่องดื่ม อีกทั้งราคายังเป็นมิตรสุดๆ ไม่รอช้าเราสั่งมาแบบจัดเต็มทุกเมนูที่อยากกิน
โดยเฉพาะอย่างแรกชื่อเมนูสะดุดตามากๆ เลยก็คือ ไข่กระทะเมืองเหนือ เสิร์ฟมาพร้อมเมนูเด็ดของทางภาคเหนืออย่างน้ำพริกหนุ่มและแคปหมูชิ้นโตๆ กับไส้อั่ว บอกเลยวว่ารสชาติดีมาก ให้มาเต็มกระทะแบบนี้ ราคาเพียง 89 บาท ใครมาโกปี๊ต้องไม่พลาดเมนูนี้เลย
อีกเมนูไฮไลท์ที่ต้องสั่งมาก็คือ ข้าวต้มแห้งหมูและเครื่องใน ราคา 69 บาท มาพร้อมกับน้ำจิ้มสุดแซ่บ ราดใส่ข้าวต้มให้ฉ่ำๆ อร่อยยกนิ้ว
เอาใจคนที่อยากกินอะไรเบาๆ แบบสบายท้องด้วยเมนู ข้าวต้มกุ๊ย ราคา 129 บาท ในเซ็ตเค้าเสิร์ฟมาให้ครบทั้งข้าวต้มร้อนๆ ไข่เค็ม ไชโป๊ผัดไข่ ยำผักกาดดอง และกุนเชียงกับถั่ว นอกจากนี้ยังมี ก๋วยจั๊บญวน ราคา 69 บาท ให้เครื่องมาแน่นๆ รสกลมกล่อม หอมพริกไทย บอกเลยว่าถ้วยนี้อิ่มแน่นอน
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่มที่เราสั่งมาคือ ชุดกาชาจีนร้อน รวมถึงของหวานอร่อยๆ อย่าง โกปี๊ปัง
สายถ่ายรูปอยากได้คอนเท็นต์ฟีลย้อนวันวานต้องสั่ง โบราณเซ็ต ราคา 79 บาท เสิร์ฟมาอย่างน่ารักบนชุดพวง ในเซ็ตประกอบด้วยชาไทยร้อน ชาจีน ไข่ลวก และขนมปังกรอบ อิ่มอร่อยแถมได้รูปสวยตอบโจทย์สุดๆ
ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อเลย
เปิดแมพมาไหว้พระทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยกับทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 วันที่ 2 ด้วยการไปไหว้พระธาตุประจำปีมะเส็ง วัดเจ็ดยอด หรือ วัดโพธารามมหาวิหาร วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระธาตุทรงยอดปรางค์\ตามแบบพุทธคยาอินเดีย มีอยู่ 7 ยอดด้วยกัน
ประติมากรรมลวดลายปูนปั้นรูปเทวดาด้านนอกผนังองค์พระเจดีย์เจ็ดยอด
วัดเจ็ดยอดถือเป็นวัดสำคัญของล้านนา เป็นสถานที่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าติโลกราช เป็นสถานที่สังคยานาพระไตรปิฏกครั้งที่ 8 ของโลก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดเจ็ดยอด ให้เป็น โบราณสถานแห่งชาติในปี 2438
ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ก็คือ พระมหาเจดีย์เจ็ดยอด เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมสร้างด้วยศิลาแลงประดับลายปูนปั้นรูปเทวดาอ่อนช้อยสวยงาม มีช่องอุโมงค์ลึกเข้าไปในตัววิหารคล้ายวัดอุโมงค์ ภายในประดิษฐาน หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสีทองอร่าม บนหลังคาเป็นองค์เจดีย์ 7 ยอด โดยมีเจดีย์ประธาน 1 องค์ เจดีย์บริวาร 4 องค์ และเจดีย์ด้านหน้ามุมข้าง 2 องค์
นอกจากนี้ที่วัดเจ็ดยอดยังมี พระเจ้าทันใจ ที่บรรดานักท่องเที่ยวสายมูนิยมมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าพระเจ้าทันใจจะช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และหนุนส่งให้การงาน การเงิน การค้า เจริญและร่ำรวยขึ้น สมปรารถนาอย่างรวดเร็วทันใจ
เรายังเดินวนเล่นอยู่ใน ย่านนิมมานเหมินทร์ แถวนี้ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกเยอะมาก สำหรับนิมมานฯ เชียงใหม่จะให้ฟีลเหมือน Siam Square ที่มีซอยย่อยให้ได้เดินกันยาวๆ กินช้อปกันเพลินๆ ตลอดวัน และร้านที่เราแวะมาก็คือ จงเฮง ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้าดังย่านสันทราย ที่มีสาขาอยู่ที่ นิมมานฯ ซอย 6 ตัวร้านตกแต่งมาในโทนสีขาวมินิมอล บรรยากาศในร้านดีมากๆ ที่สำคัญมีที่จอดรถเพียบ!
สำหรับเมนูของร้านนั้นมีให้เลือกหลากหลาย ตามมาดูกันเลยว่ามื้อนี้เราสั่งเมนูอะไรมาบ้าง
มาเริ่มกันที่เมนูเด็ดกันก่อนเลย นั่นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ ราคา 60 บาท เครื่องแน่นแบบเน้นๆ รสชาติเข้มข้นอร่อยจัดจ้านแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ถัดมาที่ มาม่าต้มยำหม้อไฟ ราคา 199 บาท ที่เค้าให้กุ้งตัวโตๆ มาเลย
สำหรับใครที่เป็นสายหมูแดงหมูกรอบ ทางร้านจะมีทั้งเมนูเส้นและเมนูข้าวโปะหน้าด้วยหมูแดงหมูกรอบแบบฉ่ำๆ ถ้าใครอยากกินเฉพาะหมูแดงหมูกรอบก็สามารถสั่งได้เลยนะ อย่างเมนูนี้เราสั่งมาเป็น หมี่เหลืองหมูแดง+หมูกรอบ ราคา 75 บาท
และก็ยังมี ผัดไทยกุ้งสด ราคา 119 บาท เส้นเหนียวนุ่ม รสชาติอร่อยกลมกล่อมครบสามรสทั้งเปรี้ยวเค็มหวาน ข้าวต้มแห้งเครื่องหมู ราคา 65 บาท รสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ กินคู่กันคือฟิน! แถมแต่ละเมนูให้มาแบบจุกๆ กันเลยทีเดียว
เย็นตาโฟ กลิ่นน้ำซุปจะหอมฉุย พร้อมเครื่องที่ใส่มาในชามแน่นมาก
นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูของกินเล่นรองท้องด้วยนะ ที่เราสั่งมาคือ ลูกชิ้นปิ้งกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด กับ หมูสะเต๊ะ ไส้สะเต๊ะ อร่อยฉ่ำทุกเมนู ใครมาต้องสั่งมาลองเลยนะ ติดใจมาก
เมนูเครื่องดื่มสุดฮิต ชาเย็น โอเลี้ยง และชามะนาว หวานหอมเย็นชื่นใจ
จากถนนนิมมานเหมินท์ มุ่งหน้าสู่ อำเภอแม่แตง อีกหนึ่งอำเภอน่าเที่ยวของเชียงใหม่ ซึ่งถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดินแดนน้ำสามแม่ ซึ่งหมายถึง แม่น้ำปิง แม่น้ำแตง และแม่น้ำแม่งัด นอกจากนี้ยังเป็นอำเภอที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอาราม รวมถึงคาเฟ่ดัง ร้านเด็ดที่พร้อมเสิร์ฟเมนูท้องถิ่นรสอร่อยเพียบ! Day 2 นี้ เราจะพาไปฟินกับที่พักวิวหลักล้าน นอนบนเขา ชมทะเลหมอก ที่ ไร่ส้มแบงค์ดอย
ตัวที่พักถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติขุนเขาเขียวชอุ่มและม่านหมอกสีขาว วิวดีๆ ที่สามารถมองเห็นได้แบบพาโนราม่า ไม่ว่าจะมาพักค้างคืนหรือแวะมาเที่ยวชมไร่ส้มก็รับรองว่าประทับใจแน่นอน สำหรับเส้นทางไปยังไร่ส้มแบงค์ดอย บอกเลยว่าอาจจะมีความยากในการขึ้นลงเขาอยู่พอสมควรเลยล่ะ ขับรถด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะ ถ้าใครขับตาม GPS มา แนะนำให้ดูป้ายของทางไร่ที่ปักไว้ตามแยกต่างๆ ประกอบด้วยจะได้ไม่หลง
ในส่วนของห้องพักที่นี่มีทั้ง เต็นท์โดมสุดหรู และ ห้องพักสไตล์โมเดิร์น ทุกหลังหันหน้าหาวิว ตกแต่งมาในโทนสีขาว สไตล์มินิมอล สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีพร้อม พัดลม กาน้ำร้อน น้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว เรียกได้ว่ามาแต่ตัวยังได้เลย ห้องที่เราเข้าพักเป็น ห้องสวีท VIP บ้านหลังสีขาว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพิ่มความมินิมอลด้วยกระจกทรงกลม มาพร้อมกับกระจกใสบานใหญ่ อ่างจากุชชี่ ระเบียงนั่งชิลล์กว้างๆ และเปลตาข่ายสามารถออกมานั่งรับลม ชมธรรมชาติกันได้เลย
เราเดินทางมาถึงไร่ส้มแบงค์ดอยแห่งนี้ เป็นช่วงเย็นๆ เราใช้เวลาพักผ่อนชิลล์ๆ เก็บของ สโลว์ไลฟ์ถ่ายรูปเช็คอินภายในห้องพักได้ไม่นานท้องก็เริ่มหิว และขึ้นเหนือมาทั้งทีก็ต้องได้กินอาหารเหนือแบบจัดเต็มกันสักหน่อย โดยที่นี่ก็มี ชุดขันโตก ให้เลือกสั่งด้วยนะ กินได้ถึง 4 คนเลยล่ะ เรียกได้ว่าเสิร์ฟเมนูเด็ดๆ อาหารเหนือตัวชูโรงมาให้กินกันแบบจุใจ มีทั้ง ไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู จอผักกาด ผัดผัก และผักลวก พร้อมข้าวสวยร้อนๆ
และถ้าจะให้ครบสูตรการขึ้นดอยก็ต้องมีหมูกระทะ
และแล้วเช้าวันสุดท้ายของ ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 ก็มาถึง…เช้านี้มีสายหมอกฟุ้งๆ มาต้อนรับทักทายกันถึงหน้าห้องเลยทีเดียว นอนแช่อ่างน้ำอุ่นๆ พร้อมดูหมอกริมระเบียงกันเพลินๆ เป็นอีกหนึ่งเช้าที่ใจฟูมาก
มีชุดกาแฟดริปให้ได้ดริปกาแฟดื่มกันตอนเช้าด้วยนะ
ลงไปเดินเล่นในไร่ส้มกันสักหน่อย ระหว่างทางปกคลุมไปด้วยไอหมอกฟุ้งๆ เลย ธรรมชาติมาก!
บริเวณของไร่ส้มแบงค์ดอยจะอยู่ด้านล่างของที่พัก สามารถเขาได้ฟรีเลย ในช่วงที่เราไปไม่ใช่ฤดูกาลของส้มออกผลจึงทำให้ไม่ค่อยมีส้มมากนัก ถ้าใครอยากมาถ่ายรูป พร้อมเก็บส้มแบบเยอะๆ ทางไร่แนะนำว่าให้มาช่วง กลางเดือนพฤศจิกายน เป็นต้นไป รับรองว่ามองไปทางไหนก็มีแต่ส้มให้เก็บกันไม่หวาดไม่ไหว สามารถติดตามช่วงส้มออกผลได้ที่ Facebook แฟนเพจ ไร่ส้มแบงค์ดอยเลยนะ
ถ่ายรูปเล่นกันจนพอใจ ก็ไปกินอาหารเช้ากัน!
เริ่มต้นเช้านี้แบบเบาๆ ด้วยข้าวต้มร้อนๆ กับขนมปังปิ้งหอมๆ ไร่ส้มแบงค์ดอย ถือเป็นอีกหนึ่งที่พักวิวสวย รายล้อมด้วยขุนเขาและสายหมอก แถมยังบรรยากาศดีทั้งตลอดทั้งวัน วาเลนไทน์นี้ชวนหวานใจไปเดตแบบฟินๆ ด้วยกันที่นี่เลย
การเดินทางมาเที่ยวที่แม่แตงถ้าจะให้สมบูรณ์ก็ต้องแวะมาอาบน้ำช้าง ให้อาหาร และเล่นกับน้องๆ ที่ ปางช้างแม่แตง โดยที่นี่เปรียบเสมือนบ้านพักฟื้นของช้างพิการและบาดเจ็บ ตั้งอยู่ริมฝั่งลำน้ำแม่แตงในหุบเขาแม่ตะมานที่สวยงาม โดยที่นี่มีช้างบาดเจ็บและพิการที่ได้รับการรักษาจนสุขภาพแข็งแรง และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เข้ามาศึกษาวิถีชีวิตของช้าง ทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เป็นการใช้แรงงานช้าง เช่น ป้อนอาหารหรืออาบน้ำให้ช้าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอาสาสำหรับการช่วยดูแลช้าง เช่น ปั้นอาหารให้ช้างแก่ รักษาพยาบาลช้าง ด้วยนะ
สำหรับการทำกิจกรรมที่ปางช้างจะมีให้เลือกเป็นแพ็คเกจ คือ Safari Package ราคา 1,600 บาท และ Hug Chang Package ราคา 1,750 บาท ซึ่งแพ็คเกจที่เราเลือกวันนี้คือ Hug Chang Package ที่จะพาเราไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวตของช้าง ตั้งแต่การกิน การนอน สืบพันธุ์ ไปจนถึงการตั้งครรภ์เลยล่ะ
ก่อนอื่นขอเปลี่ยนชุดเป็นควาญช้างกันสักหน่อย
เริ่มด้วยการเรียนรู้วิธีทำยาสมุนไพรบำรุงช้าง จะประกอบไปด้วยดินโป่ง เกลือ และมะขาม ปั้นเป็นก้อนละนำไปป้อนน้องช้าง สรรพคุณของมะขามช่วยให้ช้างขับถ่ายได้สะดวก รวมถึงช่วยกลบกลิ่นสมุนไพรตัวอื่นๆ
ส่วนต่อมาพี่ควาญช้างจะพาเราไปทำที่ขัดตัวช้าง โดยใช้ เครือสะบ้า พืชเถววัลย์ในป่าชนิดหนึ่ง นำมาทุบให้แตกเป็นแผ่น แช่น้ำให้นุ่ม แล้วนำมาถูตัวช้าง เครือสะบ้าเป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้ป้องกันแมลงกัดผิวหนังช้าง และแก้อาการคันตามผิวหนังได้
พอนำเครือสะเบ้าที่จุ่มน้ำมาขัดผิวที่ผิด จะแตกฟองเลย เลิศมาก
เสร็จแล้วก็ไปกันต่อกับกิจกรรมที่เรารอคอยนั่นก็อาบน้ำให้ช้าง
สำหรับกิจกรรมในปางช้างแม่แตงที่เราได้ทำในวันนี้ เป็นกิจกรรมจอยๆ สนุกสนานและเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี
ที่นี่มีบริการชา กาแฟ ด้วยนะซึ่งราคาจะรวมอยู่ในแพ็คเกจแล้ว
และขอปิด ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ด้วยการพาทุกคนมาถ่ายรูปเล่น สูดอากาศจากธรรมชาติให้เต็มปอดก่อนเดินทางกลับ ที่ สวนสนแม่แตง (สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ) ตั้งอยู่บนถนนระหว่างเส้นทางไป อ.เชียงดาว ที่นี่เป็นสวนสนธรรมชาติที่ปลูกไม้สนคาริเบีย และเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่นักท่องเที่ยวมักมาชมความสวยงามและถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย
สายถ่ายรูปต้องมาเก็บภาพต้นสนขนาดใหญ่สูงถึง 45 เมตร ที่เรียงรายนับร้อยต้นบนพื้นหญ้าสีเขียวขจีผืนกว้าง
ภายในสวนสนอากาศร่มรื่นเย็นสบายตลอดทั้งวัน และนอกจากจะเป็นจุดเช็คอินสุดฮิปให้เราได้มาเที่ยวชม แวะแชะภาพชิคๆ แล้ว ยังสามารถเดินเล่นชิลล์ๆ นั่งจอยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศใต้ร่มเงาสนได้ดวยนะ
และทั้งหมดนี้ก็คือ ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 สายมู ปีมะเส็ง เปิดลายแทงกินเที่ยวจัดเต็ม! ถือว่าเป็นทริปต้อนรับปีใหม่ที่ได้มาทำบุญ เสริมสิริมงคล ใครที่อยากลงนะหน้าทองให้ปังตลอดปี แนะนำให้ปักหมุดมาวัดศรีดอนมูลพร้อมกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแวะมาพักผ่อนชิลล์ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติกับที่พักเชียงใหม่ บรรยากาศดี กินอาหารเหนืออร่อยๆ อาบน้ำช้าง ถ่ายรูปกับป่าสนสุดชิคให้ฟีลต่างประเทศ สำหรับในปี 2025 นี้ เพื่อนๆ ที่อยากออกจาก Comfort Zone อยากเปิดประสบการณ์ลองทำอะไรใหม่ๆ เที่ยวสถานที่ที่ไม่เคยไป ก็สามารถมาเที่ยวตามรอยทริปเก็ทเตอร์ได้เลย รับรองว่าแฮปปี้ใจฟูแน่นอน
Day : 1
Day : 2
Day : 3
รวมค่าจ่ายต่อคน = 6,157 บาท (ค่าใช้จ่ายยังไม่รวมค่าน้ำมัน ค่าบริจาคทำบุญ และค่าตั๋วเครื่องบิน)
จบแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ทริปเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ฉบับ 2025 สายมู ปีมะเส็ง เปิดลายแทงกินเที่ยวจัดเต็ม! นอกจากนี้เรายังมีอีกทริปสนุกๆ มาฝากทุกคน กับ เที่ยว ดอยอินทนนท์ 3 วัน 2 คืน ฟินกันธรรมชาติสูงสุดแดนสยาม พร้อมแจกพิกัดเอาใจสายชิค 10 ที่เที่ยวเชียงใหม่ ถ่ายรูปสวยชิค วัยรุ่นเทสดีต้องไปเช็คอิน!