tripgether.com

วันเดียวก็ย้อนยุคได้! เที่ยวใกล้ๆ เดินตลาดย้อนยุค ใส่ชุดไทย ห่มสไบ ไหว้พระเติมบุญที่ สิงห์บุรี-อ่างทอง

28,592 ครั้ง
16 มี.ค. 2561

วันเดียวก็เที่ยวได้ ใครที่รู้สึกอยากหาเวลาพักผ่อน แต่มีหยุดแค่วันเดียว แถมอีกวันต้องเริ่มทำงานจะให้เดินทางไกลๆ ก็เหนื่อยเดินทางไปอีก! วันนี้เรามีทริปใกล้ๆใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงที่หมายแล้วมาฝาก เมื่อพร้อมแล้วก็เตรียม กล้อง กระเป๋าสตางค์ และที่ขาดไม่ได้คือ หน้าสวยๆ หล่อๆ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย GO GO !!


ทริปนี้เราออกเดินทางกันช่วงสายๆ เพราะจากกรุงเทพไปยังสิงห์บุรีใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น เลยกะว่าจะไปให้ทันมื้อเที่ยงได้แวะหาของอร่อยๆ กินกันแบบเพลินๆ สำหรับตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน เปิดเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์เท่านั้น ตั้งแต่ 7.00 – 17.00 น.

พอมาถึงทางเข้าเราก็จะเจอกับนายทองเหม็นและนานยจันทร์หนวดเขี้ยว ยืนถืออาวุธประจำกายอยู่ด้านหน้า ถ่ายรูปได้นะคะพี่เขาไม่ฟันแน่นอนรับประกัน

ไหนๆ ก็อุตส่ามาตลาดย้อนยุคทั้งที เราก็ขอกลายร่างเป็นแม่หญิงการะเกดซะหน่อย โดยค่าเช่าชุดอยู่ที่ชุดละ 100 บาท ถ้าใครอยากเช่าพวก กำไร สร้อย ต่างหู 
ต้องเช่าแยกนะคะชิ้นละ 50 บาท ส่วนดาบที่คุณพี่หมื่นถืออยู่นั้นราคาเช่าอยู่ที่ 20 บาทนะคะ

บรรยากาศด้านในถูกจัดให้คล้ายกับตลาดสมัยก่อนที่มักจะติดริมน้ำ โดยการจัดร้านก็จะใช้ใบจากกับไม้เป็นส่วนใหญ่ 


พ่อค้าแม่ค้าที่นี้จะแต่งตัวด้วยชุดโบราณนะคะ 

เดินไปเดินมาชักหิว “การะเกด” ขอแวะทานอาหารเที่ยงซะหน่อยนะคะ 

ผัดไทโบราณ 30 บาท

ภาชนะส่วนใหญ่ใช้วัสดุจากธรรมชาติพูดเลยว่า Eco สุดๆ

ที่แม่น้ำมีเวทีกลางน้ำด้วยนะคะ ซึ่งจะมีการแสดงของชาวบ้านระจันให้ดูด้วยเป็นรอบๆ

เจอแคร่ริมน้ำขอแวะถ่ายรูปซะหน่อย พอใส่สีแดง Inner พี่กิ๊ก สุวัจจนี ก็เข้าสิงร่างพอสู้เบลล่าได้มั้ยคะ 

แอบสวีทกับคุณพี่หมื่นซะหน่อย (รู้สึกพี่หมื่นจะมีน้ำมีนวลขึ้นนะเจ้าคะ)

เดินเล่นกินเวลามาสมควรแก่การกลับสู่ยุคปัจจุบัน โดย Next Station ที่เราจะเดินทางไปคือ “วัดพิกุลทอง”


ขอเติมแต้มบุญซะหน่อยนะคะ ซึ่งวัดพิกุลทองเป็นวัดดังในสิงห์บุรี วัดนี้เป็นที่ประทับของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือ “พระพุทธสุวรรณมหามุนี” 
หรือที่นิยมเรียกกันว่า “พระใหญ่”

“พระพุทธสุวรรณมหามุนี” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “พระใหญ่”


หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปกันต่อที่ “วัดม่วง” จังหวัดอ่างทอง โดยวัดม่วงเป็นวัดร้างเก่าแก่สมัยอยุธยา เมื่อครั้งพม่ามารบก็ได้เผาวัดไปทำให้วัดเสียหายไปมาก
เหลือเพียงพระพุทธรูปหินศิลาแลงสีขาวโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว พระพุทธรูปองค์นี้มีนามว่า “ขาว” ภายหลังต่อมาหลวงพ่อเกษมได้บูรณะวัดขึ้นมาใหม่

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่นิยมมาท่องเที่ยวเพื่อไหว้พระขอพร อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมทำคือการสัมผัสปลายนิ้ว “องค์พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี” เพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต


หลังจากอิ่มบุญแล้วท้องก็เริ่มประท้วงอีกครั้ง จึงแวะร้านกาแฟริมทาง “กาแฟมะขามคาเฟ่” ร้านข้างทางมีความเป็นตัวของตัวเองผ่านสไตส์การจัดร้านที่เหมือนเปิดบ้าน
ให้เพื่อนได้เข้ามานั่งพักกินน้ำ กินขนม


หากมองไปด้านหลังจะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่าตัดกับสีเขียวของทุ่งนา 

ภายในร้านตกแต่งในสไตล์เรทโทรผสมผสานกับของใช้สไตล์วินเทจได้อย่างลงตัว

ด้านนอกยังมีสะพานไม้ผ่านไปกลางทุ่งนาให้เราได้นั่งชมวิวชิลล์ หรือจะถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ได้มุมสวยมุมเด็ดอย่างแน่นอน

ใครที่มาไหว้พระวัดม่วงต้องไม่พลาดแวะ “ร้านกาแฟมะขามคาเฟ่” เปิดทำการทุกวันนะจ๊ะตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น

หลังจากพักผ่อนจนอิ่มเอมเราก็เดินทางกลับกรุงเทพ เป็นไงกันบางกับวันเดย์ทริปแต่เที่ยวได้ถึง 2 จังหวัด ทริปนี้เป็นทริปอิ่มบุญก็ได้ ใครที่มีวันหยุดน้อยอยากเที่ยวแบบสบายใจ เดินทางไม่เหนื่อยลองปักแพลนนี้ไว้ในลิสต์


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ