tripgether.com

เชียงคาน Slow Life In Chiang-Khan ใช้ชีวิตช้าๆที่ เชียงคาน

14,775 ครั้ง
26 มี.ค. 2560

จากลูกเจ๊ก 2 คน ที่เขียนโปสการ์ดคุยกันมาเกือบปีแต่ไม่เคยเจอกันสักที เกิดอยากไปเที่ยวด้วยกัน ทริปยาวๆ เที่ยวอีสานเหนือ จึงเริ่มต้น คนนึงอยากไปเชียงคานแต่ไม่ได้เลยช้ำใจยังไงก็ต้องไปให้ได้ อีกคนใจง่ายไม่เคยไปก็อยากไปเหมือนกัน คนนึงเชียวชาญด้านที่พักและและการเดินทางราคาถูก แถมด้วยความชำนาญการใช้ Google Map อีกคนเป็นนักขับขี่มอไซด์ที่ปลอดภัยที่สุดในประเทศไทย บิด 40 ตลอดทริป รูปไม่สวยมาก ข้อมูลไม่แน่นมาก แต่ความสุนกสนานมีมากกว่าการเที่ยวกันคนแปลกหน้าที่เจอหน้ากันครั้งแรก

อุปกรณ์ถ่ายภาพ 
Fuji X-E2 + 35 F1.4
Canon 750D + 18-55 
Gopro Hero Silver


มาเชียงคาน ต้องใช้ชีวิตช้าๆ เพราะว่าเที่ยวมันน่ารัก
มาเชียงคาน ต้องมาหาแมว เพราะแมวมันน่ารัก
มาเชียงคาน ต้องลองคุย เพราะคนที่นี่น่ารัก
มาเชียงคาน ต้องมากับเพื่อน เพราะความน่ารักของที่นี้อาจจะทำให้เรา “เหงา”

Day: 1 เริ่มต้นด้วยการนั่งรถช้าๆ ช้ามากๆ จากขอนแก่นถึงเชียงคาน ขึ้นรถจากท่ารถขอนแก่น  ราคา 127 บาท ถึงตัวเมืองเลย

ต่อรถ 2แถว คันโตเข้าเชียงคาน ราคา 35 บาท  

ใช้เวลาไม่มากไม่น้อย แต่ว่าเมื่อยขามาก แต่งกมากเช่นกัน เปิด google map หาตำแหน่งที่พัก เฮ้ย มันไม่ไกล เดิน 10 นาทีก็ถึง เลยบอกลารถสามล้อแล้วเดินด้วยขาสั่นๆ จนถึงที่พัก 

ช่วงเย็น: บ้านชานเคียง เรามาช้าจนเจ้าของเกสต์เฮาส์ถามว่า “ไปหลงอยู่ที่ไหนกันมา นึกว่าจะไม่มาแล้วนะเนี้ย” ทักทายกันเล็กน้อย ก็รีบเข้าห้องพัก สำรวจพอเป็นพิธี แล้วก็จิ้มๆหาของกินร้านดังๆในเชียงคาน มื้อนี้ตัดสินใจเลือกร้าน ‘นั่งเล่นเล่น’ เห็นภาพ เห็นวิว ต้องชิคมากแน่ๆ  ผลคือ ร้านปิด (อ้าว เฟลกันตั้งแต่ต้นทริปเลย) มองซ้าย มองขวา อ้าว เจอร้าน ‘เฮือนฝ้ายคำ’ มีอยู่ในร้านแนะนำนิ รอไรละคะ จัดซิ หิวมาก รูปหรอ ไม่มีหรอก หิวมาก กินกันอย่างเดียว

อิ่มแล้วสบายใจ แต่ไม่มีของหวาน ไม่ได้ มันไม่ใช่วิสัย ต้องหาของหวานกิน มื้อนี้เราเลือก ‘ปาท่องโก๋ยัดไส้’ และพบกว่ามันไม่ได้มีร้านเดียว แล้วร้านที่ถูกเลือกก็คือ ‘ร้านปาท่องโก๋ยัดไส้ลุงมุข’ ราคาชิ้นละ  30 บาท มีหลายไส้ แต่ที่เราเลือกคือไส้ หมูสับ (ของหวานน่าจะไม่ใช่ เลยยกให้เป็นของทานเล่นแล้วกัน) 

เมื่อทั้งกินคาวและหวานครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินชมวิว ถนนคนเดินเชียงคาน เฟิร์สไทม์

ก่อนกลับที่พัก เราเดินหาร้านสำหรับเช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่จะใช้สำหรับการเดินทางวันพรุ่งนี้ มองไปมองมา ทั้งร้านมีรถ 2 คัน เลือกรถ จ่ายเงิน วางบัตร แล้วก็รับใบจองสำหรับรับรถพรุ่งนี้ 
เป็นอันจบภาระกิจของวันแรกใน เชียงคาน วันนี้อากาศที่นี่เย็นมาก ผิดกับเมื่อตอนกลางวัน และไม่เหมือนเมื่อวานที่ขอนแก่น ลีลาอยู่นานกว่าจะอาบน้ำได้

ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 1 แมวกวักร้านเช่ามอไซด์ ไม่หือไม่อือ ไม่หนี ไม่ลุก ไม่เดิน ไม่วิ่ง นั่งอ้วนให้ลูบขนสวยๆ


Day: 2 บ้านชานเคียง พยายามแงะตัวเองและเพื่อนออกจากผ้าห่ม อากาศหนาวมาก เย็นมาก วิวอะไร ไม่ได้ดูหรอกคะ น้ำก็จำไม่ได้ว่าอาบไหม แต่แปรงฟันแน่ๆ รีบแต่งตัว ด้วยอากาศเย็น เลยลักลอบไม่สระผม แต่สภาพเกินทน ต้องสระแล้ว เมื่อคืนเลยนัดร้านทำผมว่าจะมาสระผม สัญญาใจล้วนๆ ถึงเวลานัด ประตูปิด อ้าว? อ้อ มีเบอร์โทร วางสายปุ๊บประตูเปิดปั๊ป ช่างมาด้วยชุดนอน พร้อมบอกว่า “ขอให้อาหารแมวแปปนึงนะ” บริการดี พร้อมน้ำอุ่นสบายหัว ในราคา 100 บาท ก็พร้อมสะบัดผมไปเที่ยวได้แล้ว

ข้างๆร้านทำผม มีร้าน โจ๊ก จั๊บ เส้น เปิดพอดี เลยได้แวะกินก่อนไป ราคาไม่แพง หน้าตาดูดี แต่ก็กินได้ เหมือนก๊วยเตี๋ยวน้ำใส นี่ก็จำไม่ได้ว่าที่สังมานี้คืออะไร จั๊บหรือเส้น

เราแวะมาเก็บของที่ห้องนอนก่อน เพราะวันนี้พักที่เดิมแต่ได้ห้องชั้นบน (เลือกที่นี้เพราะห้องนี้โดยเฉพาะ) และคิดว่ากลับมาคงไม่ทันเชคอิน เพราะวันนี้เราจะแวะทั้งวันให้คุ้มค่าเช่ารถ 
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมสระแล้ว กินข้าวแล้ว ของเก็บแล้ว ก็ออกไปรับรถมอไซด์ที่จองไว้ เพื่อไปทะเลหมอก แต่ต้องแวะเติมน้ำมัน ด้วยความที่เช้ามากสติยังไม่ค่อยอยู่กับตัว ป้าได้บอกเราแล้วว่ารถต้องเติมน้ำมันอะไร แต่ลืม ขับไปถึงปั้ม ยืนเงอะๆงะๆ พนักงานเลยบอกว่า “เติมนี้แหละค่ะ คันนี้มาเติมทุกวัน”  เด๋อด๋าหน้าแตกกันไป น้ำมันพร้อมแล้ว ระบบนำทางก็พร้อม คนก็พร้อม มุ่งหน้าสู่ภูทอก ทะเลหมอกยามเช้า 

ภูทอก เราต้องจอดรถไว้ด้านล่าง แล้วจะมีรถกระบะต่อที่นั่งด้านหลัง  เราต้องซื้อบัตรราคา 20 บาท ที่ใช้สำหรับนั่งรถทั้งขึ้นและลง 9 โมงเช้า สำหรับ ภูทอก ยังคงเย็นอยู่ มีลมพัดแรง แต่นักท่องเที่ยวบางตา คงเพราะสายมาแล้ว ใครเขาจะขึ้นมาดูตอนนี้ มองไปทางไหนก็วิว มองเห็นทางที่ขับมา มีความสวยงานตามที่มันเป็น 

[แถม เพิ่งได้มาจากเซเว่นที่ขอนแก่น]

นั่งเล่นเดินเล่น ถ่ายรูปจนหนำใจ ตัดสินใจนั่งรถกลับ และยังเก็บภาพมันส์ๆระหว่างลงด้วย ผมปลิวพริ้วสวยงาม

ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 2 แมวตัวเล็ก หน้าตาหน้ารัก เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เดินโชว์ตัวประนึงประกวดนางสาวไทย

ไร่ณัชชา ระหว่างที่ขับรถมา เราผ่านไร่ดอกไม้ขนาดย่อมๆ เลยแวะลงมาถ่ายรูปเล่น ราคาค่าเข้า  20 บาท ภายในไร่แบ่งเป็น แปลงดอกคอตมอส และดอกดาวเรือง อย่างละครึ่ง ถ่ายรูปสนุกมาก เพราะทั้งไร่เหลือแค่เรา 555

แก่งคุดคู้ แลนด์มาร์กอีกที่ของเชียงคาน ใครๆก็มา รวมถึงเราก็มาด้วย จากที่เคยดูในเทยเที่ยวไทย มาที่นี่ก็มีนั่งเรือชมวิวแม่น้ำโขง มีกันอยู่  2 คน และการเหมาเรือดูจะแพงไป เอาเงินไปกินดีกว่าค่ะ เดินลงมาจากที่จอดรถ มีเพิงและแคร่ไม้ไผ่เป็นตับ มีร้านส้มตำหลายร้าน แต่ตอนนี้เปิด 3 ร้าน ร้านไหนอร่อยก็ไม่รู้ เราเลยตัดสินใจเลือกแคร่ที่มีตุ๊กตาหมีพูห์ตัวใหญ่นอนพิงเสา (ตรรกะไร้สาระมาก) มีป้าเดินเอาเมนูมาให้ เลยสั่งส้มตำ (อะไรไม่รู้ รู้แต่ใส่ปลาร้าแน่ และมีพวกมะเขือแปลกๆ) ต้มยำปลานิล (ดูปลอดภัยเพราะรู้จักหน้าตามากกว่าปลาแม่น้ำโขง)
และปลาเผาตัวโตมาก (เลยจานออกมาเลย)  พร้อมข้าวเหนียวสองกระติ๊บ อาหารนี่ไม่บุฟเฟ่ต์ แต่ร้านนี่บุฟเฟ่ต์มาก นั่งนานขนาดไหนก็ได้ (ทั้งเพิงมีลูกค้าอยู่  4 โต๊ะ จากเกือบร้อยโต๊ะ) จะย้ายที่ก็ได้ กินเสร็จแล้วโต๊ะเลอะ เลยย้ายกันดีกว่า ตุ๊กตาเลือกเอาได้เลยตัวไหน หมีพูห์ มินเนียน โดราเอม่อน นอนหนุนสบาย พร้อมวิวแม่น้ำโขง ลมเอื่อยๆ ไม่ต้องใช้พัดลมซักตัว มีความสุขรุนแรงงงง กินอิ่มนอนหลับ (หลับจริงแบบไม่กลับของหาย)

นอนไปนอนมา บ่าย 2 คุ้มมาก ตื่นมาจ่ายเงินค่าอาหาร แวะเดินถ่ายรูปเล่นต่ออีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาไปที่อื่นกันต่อ

วัดพระพุทธบาท ภูควายเงิน เพื่อนชอบกระต่าย อยากมา เราดูรีวิวในทวิตเตอร์ อยากเห็น เพื่อนค่อยๆบิดมอไซด์น้อยๆของเราขึ้นเขามาถึงวัด กระต่ายยังไม่เห็น แต่วัดสวย เรียบง่าย แวะไหว้พระ ปิดทองพระพุทธบาทจำลอง มองซ้ายมองขวา ยังไม่เจอกระต่ายสักตัว เลยถามคุณยายที่ดูแลว่า กระต่ายอยู่แห่งใด พร้อมเกร็ดความรู้เล็กน้อยก่อนดูกระต่าย วัดนี้ ที่มีกระต่ายเยอะ เพราะเจ้าอาวาทวัด (ไม่แน่ใจว่าใช่องค์ปัจจุบันไหม) เกิดปีกระต่าย เลยเลี้ยงกระต่ายไว้ เยอะมาก ไม่ได้เยอะเพราะเอามาเยอะ เยอะเพราะมันแพร่พันธุ์เร็วมาก

ก่อนไปเจอกระต่าย เราทำบุญซื้อผักบุ้งของที่วัดไปคนละกำ ไว้ให้กระต่าย พอเปิดกรงเท่านั้นแหละคุณผู้โช้มมมม กระต่ายเป็น 10 ตัว วิ่งเข้ามาหากันแบบไม่กลัวโดนเหยียบ ต้องค่อยๆหาที่นั่งบนหินก้อนโตๆ พอได้นั่งเท่านั้นแหละคุณผู้โช้มมมม กระต่ายก็รุมมากินผักบุ้งกันอย่างเมามันส์ จนเพื่อนต้องวิ่งไปซื้อเพิ่ม นั้นแหละค่ะ หมดไปครึ่งร้อย เบิกบานกันทั้งคนทั้งกระต่าย แต่ในกรงกระต่าย ก็มีครอบครัวแม่ไก่อยู่ด้วยนะ เป็นชนกลุ่มน้อย 1 ครอบครัว 

เดินขึ้นมาอีกนิด วัดก็มีจุดชมวินนะคะ แต่รกๆนิดหน่อย เห็นวิวเมืองไกลๆ 

ร้าน love @ Chiang-Khan ขับรถลงจากภูควายเงิน ตามถนนริมโขง เจอร้านกาแฟร้านนี้พอดี ดูเหมือนเปิดใหม่ คนชงกาแฟยังดูสูตรอยู่เลย เป็นร้านกาแฟที่ไม่ง้อแอร์ ร้านกว้างที่สุด ข้างหน้าเป็นวิวแม่น้ำโขง เพดานเป็นท้องฟ้า หลังร้านเป็นสนามหญ้ากว้างๆ นั่งกินกาแฟชิวๆ ลมเย็นๆ วิวดีๆ

ถนนริมโขง ก่อนกลับที่พัก แวะเดินเล่นที่ลานอเนกประสงค์ที่ตรงข้ามกันวัด ถ่ายรูปท้องฟ้าที่กำลังจะเป็นสีส้ม

ถนนคนเดิน เชียงคาน ขับมอไซด์มาถึงถนนคนเดิน ตลาดเริ่มเปิดแล้ว คนเดิมกันเต็มไปหมด แถมมีป้ายตั้งไว้ว่าห้ามนำรถเข้าแล้ว เราสองคนก็มองหน้ากันเด๋อด๋า แต่ในความลังเล มีมอไซด์คันหนึ่ง ขับผ่านเราไป … ได้อ่อ ? ได้ก็ได้ค่ะ  ขับไปกลางถนนคนเดินเลย หลบคนตลอดทาง กลัวชน กลัวล้ม คืนรถดีว่า (คืนก่อนเวลาไป 30 นาที)

บ้านชานเคียง กลับมาเย็นมากจนเจ้าของเกสต์เฮาส์ถามอีกว่า “ไปไหนกันมาอีกเนี้ย กลับกันป่านนี้” เราประทับใจกับความใส่ใจของแกจริงๆ และวันนนี้เราจะได้ย้ายไปนอนห้องที่เราหมายปองกันนะค้า เป็นห้องที่ตั้งใจว่าจะพักห้องนี้ตั้งแต่แรก ห้องชั้นบน ติดริมโขง หน้าต่างรอบด้าน คืนนี้น่าจะหนาวสุดใจ

ถนนคนเดินเชียงคาน คืนนี้เราเลือกกินผัดไทยเกี๊ยวกรอบ ร้าน ปล่อยแสงผัดไทยสูตรโบราณ เห็นชื่อร้านน่าสนใจ เดินไปหน้าร้าน คนก็เยอะอยู่นะ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นหรือไม่ก็ฝรั่ง เพราะมีบาร์เล็กๆอยู่ด้านใน พวกเราหาโต๊ะนั่งแล้วค่อยเดินไปสั่ง ไม่นานก็ได้ผัดไทย สองจาน หน้าตาไม่ประหลาด และรสชาติก็ไม่แย่ ราคาไม่แพง แถมมีมุมให้ถ่ายรูปรอผัดไทยอีก 

หลังจากกินเสร็จ ภารกิจสุดท้ายของวันนี้คือเดินเล่นชิวๆที่ถนนคนเดิน หาซื้อของฝากกัน ใส่รองเท้าแตะของเกสต์เฮาส์มา ก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหน เพิ่งเห็นที่ร้านนี้แหละ 

เริ่มจากร้านแรก ร้านกาแฟ สองผัวเมืย ร้านตกแต่งด้วยแมว มองไปทางไหนก็แมว ร้านนี้มีโปสการ์ดใบจิ๋วด้วย ซื้อส่งกลับบ้านด้วย แต่ หาย น่าจะเล็กเกินไป 

ที่นี่มีร้านเซรามิก ที่มาจากโรงงานตัวเอง ฝีมือดี ราคาโอเค แถมเจ้าของใจดีลดราคาให้ด้วย 

ร้านโปสการ์ดไม้ 

ร้านของฝาก ที่เพื่อนแวะไปเลือกโปสการ์ด เจ้าของร้านยังใจดีมาช่วยเลือกด้วย 

ร้านโปสการ์ดมีเยอะมากกกก เดินเข้าออกหลายร้านมาก 

แล้วเราหยุดเขียนโปสการ์ดและซื้อของฝากกันที่ร้าน จำเลยรัก เขามีตราปั้มและบริการส่งโปสการ์ดกับเขาได้เลย 

ร้านขายผ้าฝ้ายทอมือโบราญ 

ถนนคนเดินเชียงคาน

และสุดท้าย เราก็กลับเข้าที่พัก มานั่งคุยรับลมหนาวที่ริมระเบียง ฝั่งลาวตอนนี้มืดมาก มีไฟสว่างเป็นหย่อมๆ คืนนี้เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน

ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 3 แมวหน้ากากดำที่ร้านขายเสื้อ เดินไปเดินมา หน้าตาหน้ารัก


บ้านชานเคียง เช้าวันสุดท้ายที่เชียงคาน เรารีบตื่นเช้าออกมาใส่บาตรข้าวเหนียว หน้าบ้าน ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวเกือบ 80% จะมีคุณยายบ้างประปราย

หลังจากตักบาตรเสร็จ เราแวะเดินเล่นเชียงคานตอนเช้าบ้าง เมื่อคืนเราเห็นข้าวจี่ เห็นมาหลายที่แล้วแหละ แต่ไม่เคยลองชิม วันนี้เลยอยากลอง จัดกันไปคนละไม้ สรุป เราไม่ชอบ และจะไม่ซื้อกินอีก รู้สึกไม่ถูกปาก

เชียงคานตอนเช้านี่หมอกเยอะมาก เยอะขนาดที่เรามองไม่เห็นฝั่งลาวเลย และมองเห็นในระยะไกลไม่เกิน 100 เมตร  (เมือนหนังเรื่องหมอกกินคนมากๆ)

เซเว่นเชียงคาน 

จุ่มนัวยายพัด เช้านี้ตั้งใจมาร้านนี้โดยเฉพาะ อยากลองกินอาหารท้องถิ่นดู เห็นรีวิวร้าน กับ ร้านจริง แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งร้านผ่านการปรับปรุงใหม่ หน้าตาเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ที่เหมือนเดิมคือ ยายพัด ที่ยังทำสุกี้กับมือด้วยตัวเอง

สุกี้ลาว เหมือนก๊วยเตี๋ยว เลือกเส้นได้ ใส่หมูสับ หมูชิ้น ผักบุ้ง ชอบมาก อยากขอซื้อซอสสุกี้ของยายกลับบ้านให้แม่ไปทำให้กินมาก (ตอนเขียนรีวิวก็ยังคงอยากกินอยู่)

หมี่กระทิ ตอนแรกคิดว่ามันคือหมี่สีชมพูที่โรยหน้าด้วยใข่และเต้าหู้ แต่ความจริง คือ ขนมจีนน้ำยา ที่กินที่กรุงเทพ

อร่อย อิ่ม ถูก รู้สึกดีมาก อยากกินอีกเลย 

แถวด้วยถ่ายรีวิวห้องพักเล็กน้อย เผื่อใครสนใจอยากเห็นห้องพัก 

ร้านส้มตำถาด พวกเราฝากของไว้ที่พักแล้วก็เดินไปหาอะไรกินก่อนกลับ เดินหาหลายร้าน สุดท้ายก็ส้มตำเช่นเดิม ซอยอะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่อร่อย ดี ถูกด้วย  80 บาท

แวะเดินเล่นกันอีกสักรอบ 

เชียงคาน ถึงเวลาต้องบอกลาเชียงคานจริงๆ สักที 

เชียงคานนี่แมวเยอะจริงๆนะ เยอะมาก เยอะๆๆๆๆๆ (ไม่ยมกเยอะๆๆๆๆ) ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 4 แมวดำประจำเกสต์เฮาส์ เห็นตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามา ตอนแรกคิดว่าก้อนอะไร จับๆคลำๆ อ้าว แมว เป็นแมวไม่มีความเฟรนลี่ เห็นกี่รอบ ก็นอน

ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 5 และ 6 ได้ยินเสียงกันมาตลอดคืน เจอตัวแล้ว แต่ไม่ยอมให้จับตัว 

ช่วง แมวอินเชียงคาน ตัวที่ 7 และ 8 เจอพร้อมกัน ตอนเช้า เห็นตัวสีส้ม น่าจะจับต้องได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน เลยว่าจะอุ้มเล่น แต่นางกลับกระโดดขึ้นมาบนไหล่เลย แถมอยู่นิ่งๆอีก ส่วนอีกตัว ซ้อนอยู่ใต้เก้าอี้ น่าจะตะปบแรงแถมไม่ออกมาจากที่ซ้อนตัวอีก

แต่เชียงคานก็มีหมานะ เช้ามืดวันสุดท้าย เราลงมาเข้าห้องน้ำ ตอนกำลังจะเดินขึ้นห้อง เห็นหมาปริศนา ไม่เห็นหน้าเห็นตา เห็นแต่เสื้อสีแดงลายใยแมงมุม วิ่งออกจากบ้านไป ตอตเช้าเดินไปเดินมา อ้าว นี่ไง ไอ้แมงมุมอยู่นี่ ! 

เชียงคาน เราว่าเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ด้วยความที่แหล่งท่องเที่ยวมันไม่ได้มีเยอะ เลยไม่ต้องรีบๆเที่ยว เหมือนกับว่าแค่มาเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กินข้าว และมีส้มตำให้กินเยอะกว่าเดิม เป็นเมืองชิวๆ ช้าๆ เนิบๆ เหมือนเมืองเด็กอนามัย นอนเร็ว ตื่นเช้า อากาศดี แดดแรง ลมเย็นสบาย ผู้คนคุยง่าย ชวนคุยได้โดยไม่เคอะเขิน และปลอดภัยมาก ถ้ามีโอกาศ ก็อยากกลับมาอีก เดินทางสะดวก ที่พักราคาไม่แพง แถมอากาศก็ดี เราว่าเชียงคานเหมาะสำหรับทุกคน มากับครอบครัวก็ได้ มากับเพื่อนก็ได้ มากับแฟนก็ได้ แต่ไม่ควรมาคนเดียว เพราะ มัน ‘เหงา’ มาก

ขอบคุณรีวิวจากคุณสมาชิกพันทิป

 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ