tripgether.com

ทีลอซู… เมื่อฉันอยากไป ก็ต้องไป จ.ตาก

15,009 ครั้ง
26 มี.ค. 2560

ทีลอซู . . . เมื่อฉันอยากไป ก็ต้องได้ไป เคยนั่งลิสต์ My Dream Destination ของตัวเองไหม แล้วเคยคิดไหมว่าเราจะได้ไปที่นั่นจริงๆ นี่คือ My Dream Destination ที่ที่ 2 ของเราเอง ทีลอซู ช่วงหน้าฝน คงไม่มีที่ไหนดีกว่าการได้ไปเที่ยวน้ำตกมั้ง แล้วทำไมถึงต้องเป็นทีลอซูล่ะ

ทีลอซูไปได้เกือบทุกเทศกาลมั้ง แต่ที่เราเลือกไปหน้าฝนก็เพราะเหตุผลที่ใครๆ ก็รู้ น้ำเยอะ แน่ๆ และที่สำคัญ การไปทีลอซูช่วงหน้าฝนไม่สามารถเอารถขึ้นไปได้ ฉะนั้นการเดินแทนนั่งรถเป็นอะไรที่น่าจะมันสุดๆ นั่นคือสิ่งที่เราคิดไว้ก่อนจะไป การหาข้อมูลก็ไม่ยากค่ะ มีคนรีวิวไว้พอสมควร การเดินทางไม่ลำบากด้วย

ทีลอซู อยู่อุ้มผาง จ. ตากค่ะ การเดินทางจาก กทม. – อุ้มผาง ไม่ยาก (แบบรถทัวร์นะ) นั่งรถ 2 ต่อเท่านั้น เราต้องซื้อตั๋ว กรุงเทพฯ – แม่สอด ก่อนเลย เราไปรอบ 4 ทุ่มตรง ถึงแม่สอดประมาณ 8 โมงกว่า ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาลวันอาสาฬหบูชา เข้าพรรษา แน่นอน! รถติดค่ะ ต่อที่ 2 คือนั่งรถจากขนส่งแม่สอด – อุ้มผาง พอลงรถทัวร์ปุ๊บ เราก็จะเห็นรถสองแถวไปแม่สอด มันคือรถสองแถวธรรมดาๆ สีฟ้าๆ ทั่วไปนะแหละ ข้างรถมีเขียนว่าไปอุ้มผาง บางคันไปท่าสองยาง ให้ขึ้นคันที่ไปอุ้มผางนะคะ ค่ารถ 130 บาท กับการเดินทาง 3 ชม. ถูกสุดๆ ไปเลยใช่ป่ะล่ะ ใช่ค่ะ! เราต้องนั่งรถสองแถวคันนี้ 3 ชม. เพื่อเข้าอุ้มผางกัน บอกแล้วว่าเดินทางง่ายแค่ 2 ต่อเท่านั้น เวลาเดินทางรวม 11 ชม. โดยประมาณ!!!

พอดีว่าเราไม่ได้อะไรกับการนั่งรถนานๆ (แต่ไม่โอเคกับการต่อรถบ่อย) เรามองว่าทางที่ไปมันทำให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ที่คนเมืองกรุงไม่เคยเห็น ตลอดทางที่นั่งช่วงแรกๆ เป็นทางถนนและก็เริ่มเข้าทางโค้ง เหมือนเรานั่งรถเข้าไปตามแนวเขา อากาศเย็นสบาย ลมพัดแรงจนเราหนาว ระหว่างทางชาวบ้านบนรถนั่งคุยกันจนรถคิดว่า เค้าเป็นเพื่อนกัน แต่จริงๆ แล้ว เพิ่งมาเจอกันบนรถ พอถึงจุดพักรถ มีน้องคนนึงเป็นผู้หญิงลงไปซื้อมาม่า พอเห็นเราน้องก็ยื่นมาม่ามาให้ ถามเราว่า พี่กินด้วยกันมั้ย มันก็รู้สึกแปลกๆ เนอะ ถ้าอยู่ในเมืองเราคงไม้มีโอกาสได้ยินอะไรแบบนี้ ซักพักน้องคนนี้ก็ลงรถที่ศูนย์อพยพอุ้มผาง ศูนย์อพยพนี้คือ สถานที่สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดนไทยพม่า สำหรับผู้ที่หลบภัย ก่อนลงน้องยกมือไหว้ สวัสดีค่ะ เป็นความรู้สึกดีแปลกๆ เราว่าพ่อกับแม่น้องสอนน้องมาดีมากนะ น้องน่ารักดี

แล้วเราก็นั่งรถต่อไปอีกเป็นชั่วโมง หลับบ้างตื่นบ้าง ในที่สุดเราก็มาถึง กัญญาภัค รีสอร์ท ตอน 13:30 โดยประมาณ โดยรถสองแถวขับเข้ามาส่งให้เลย เราพักบ้านสายรุ้ง ไม่มีแอร์แต่อากาศเย็นสบาย เปิดพัดลมอย่างเดียวก็หนาวแล้ว หลังจากเก็บของ อาบน้ำ ก็มานั่งคุยกับพี่อาร์ม เจ้าของรีสอร์ทถึงโปรแกรมพรุ่งนี้ที่เราจะไป แล้วก็กินข้าวเย็น และก็ไปพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับการเดินทางวันพรุ่งนี้ พี่อาร์มให้ถุงพลาสติกใบใหญ่มาเพื่อใส่เฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้เวลาไปที่ น้ำตก ฉะนั้นของที่ไม่จำเป็นไม่ต้องเอาไป และที่สำคัญมีลูกหาบ สบาย

เช้าวันที่ 17 เราเริ่มออกเดินทางตอน 08:30 นั่งรถออกจากรีสอร์ทไปที่ลงเรือยาง เรือที่เรานั่งไปมีสมาชิก 5 คน ลูกเรือ 3 และพี่ที่พาย 2 คน เราไปคนเดียวทางรีสอร์ทเลยให้เราไปจอยกับคู่สวีทคู่นึง พี่ที่พายเรือเป็นพม่าหรือกระเหรี่ยงนี่ละ คุยภาษาไทยรู้เรื่องและก็คุยสลับกับภาษากระเหรี่ยง

ต่อไปคือวิวระหว่างทางจ้า

เมื่อออกเรือไปได้ไม่ไกลจะเจอ ถ้ำผางู พี่ที่พายเรือให้เราคอยเป็นไกด์แนะนำให้เราตลอดทาง

น้ำตกสายรุ้ง แต่ไม่เห็นสายรุ้ง เพราะตอนที่ไปแดดไม่ค่อยมี พี่ที่พายเรือให้เราบอกว่าจะเห็นชัดช่วงเมษา รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่มาแล้วไม่เจอ พี่เค้าบอกว่ามีแค่ตรงนี้ที่เดียวด้วยที่เป็นสายรุ้ง แต่ก็สวยไปอีกแบบ เราชอบรูปนี้ที่สุด พอล่องเรือยางมาสักพัก เราจะเจอบ่อน้ำร้อน สามารถไปนั่งพักแช่ตัวได้ และมีห้องน้ำสะอาดให้เข้าด้วย

หลังจากที่เราไปชมบ่อน้ำร้อนและเข้าห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ลงเรือยางและไปต่อ

ตามโปรแกรมแล้วเราต้องล่องเรือยาง 3 ชั่วโมง ต่อด้วยเดินขึ้นไปอีก 3 ชั่วโมง ซึ่งทางเดินก็เป็นถนนทางรถวิ่ง แต่แค่ช่วงหน้าฝนเอารถขึ้นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง มีทั้งทางราบ ขึ้นเขา ลงเขานิดหน่อย ไม่ลำบากมากพอเดินกันได้ค่ะ

พอขึ้นฝั่ง เราก็เริ่มเดินเข้าป่ากันเลย ต้นไม้เยอะ เห็นแล้วชื่นใจ มันชุ่มชื้นดีมากๆ

ทางเดินแนวนี้สวยดีนะ เดินง่าย แต่ต้องระวังยุงให้มาก มันบินตามแบบไม่ลดความพยายาม เศร้า

บางจุดก็ไม่ค่อยเป็นใจให้เราเดินเท่าไหร่ แต่ก็สนุกดี นี่ขนาดช่วงที่ไปฝนไม่ตกมา 2-3 วันนะ

ยิ่งแล้วใหญ่ เจอแบบนี้ มันไปอีก แล้วเราก็เดินกันไปเรื่อยๆ จากที่ลูกเรือมากัน 3 คน เดินไปเดินมาเหลือคนเดียว เพราะเค้าเป็นแฟนกัน ทิ้งระยะให้เค้าอยู่ด้วยกันบ้าง ยังไงก็ต้องขอขอบคุณนะ ที่ให้เราหนีบมาด้วย เลยอาจทำให้สวีทได้ไม่เต็มที่

ระยะทางเกือบ 12 กิโลกับ 3 ชม. ในที่สุด . . . เราก็มาถึงซักที เขตุรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางเป็นพื้นที่โล่งๆ สนามหญ้า กางเต๊นได้ มีห้องน้ำหลายห้องแยกชายหญิง 2 จุด ห้องน้ำตรงทางเข้าจะเก่าและสกปรกหน่อย ถ้าเดินขึ้นไปอีกหน่อยไม่ไกลกันจะไม่ค่อยมีคนเข้า ค่อนข้างสะอาดและใหม่ เป็นแบบชักโครก มีช่วงเวลาเปิดปิดไฟ ถ้าจำไม่ผิดช่วงที่มีไฟฟ้าจะเป็นช่วง ตี 5 – 3 ทุ่ม หลังจากนั้นก็จะมืดหมดยกเว้นตรงจุดทำการยังมีไฟฟ้าอยู่

อาหารเย็นของเรา มีแม่ครัวจากรีสอร์ทขึ้นมาทำกับข้าวให้เรากิน อาหารอร่อยและถูกปาก ที่สำคัญน้ำพริกของรีสอร์ทอร่อยมาก หลังจากที่เราซัดกันไปคนละจาน 2 จาน เราก็แยกย้ายกันไปเข้าเต้นท์ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้

อันนี้เป็นเต้นท์ของรีสอร์ทอื่น แต่ของกัญญาภัคเค้าจะกางเต้นท์ผ้าใบให้ชั้นนึง แล้วก็เป็นเต้นท์ส่วนตัวของใครของมัน ช่วงหัวค่ำอากาศไม่เย็นออกไปทางร้อนนิดหน่อย ไม่ค่อยมีลม เราชะล่าใจนอนไปซักพักอากาศเริ่มเย็นจนรู้สึกหนาวนิดๆ เกือบจะหลับสบายแต่ดันมีเสียงกรนเกิดขึ้น


เช้าแล้ว ไม่มีใครปลุกแต่ตื่นเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน ต่างคนต่างไปอาบน้ำแปรงฟันแล้วมาประจำที่โต๊ะอาหารเพื่อนทานข้าวเช้ากัน และข้าวเช้าของเราคือ ข้าวต้ม บะหมี่

ถ้าใครจัดการตัวเองเสร็จเร็วก็ไปน้ำตกทีลอซูได้เลย หมายความว่าไง หมายความว่าเราต้องเดินไปอีกหรอ ใช่ค่ะ! จากที่ที่เรากลางเต้นท์เดินไปอีก 1.5 กิโล ไม่ไกลถ้าเทียบกับที่เราเดินทางเมื่อวาน ฮ่าๆ

ทางเดินเดินง่าย ชอบต้นไม้ต้นนี้ มีรูด้วย

ขอแอบถ่ายเพื่อนร่วมทริปซะหน่อย

ทางไปน้ำตกเป็นแบบนี้ค่ะ เดินสบายแต่ระวังลื่นนะคะ มันมีมอส ตะไคร่ขึ้นเขียวๆ พาไม้ค้ำเดินไปด้วยก็ดีนะคะ

เดินๆ ไปซักพักพี่ที่พายเรือให้เราก็หยุดแล้วมองไปทางเดียวกัน เราก็เข้าใจว่าเค้ารอเรา แต่ไม่ใช่เลย เค้าอยากให้เราได้เห็นมุมนี้ น่ารักที่สุด ใครว่าเราพลาดน้ำตกสายรุ้ง สายรุ้งนี้สวยกว่ามาก แนะนำว่าถ้าใครเจอถ่ายรูปไว้เลย เพราะขาลงแดดอาจจะหมดและไม่เห็นสายรุ้งแล้วก็ได้

ยิ่งเราเดินไปเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้ยินเสียงน้ำตกดังขึ้น ดังขึ้น ชาวบ้านบอกว่า ทีลอซู แปลว่า น้ำตกดัง น้ำตกใหญ่ เป็นภาษากระเหรี่ยง ยิ่งเสียงดังเท่าไหร่ เราก็ยิ่งตื่นเต้น และในที่สุดก็ถึงแล้ว 

ของจริงสวยกว่านี้มากๆ แต่เราถ่ายรุปไม่สวยเอง น้ำตกเป็นชั้นๆ น้ำเยอะมาก ไหลลงทีเหมือนเป็นผ้าม่าน นอกจากตรงนั้นแล้ว ยังมีน้ำตกเล็กๆ เป็นชั้นๆ ให้ปีนไปเล่นได้ด้วย ป่าอุดมสมบูรณ์มาก มอสขึ้นเขียว ต้นไม้รกมีหลายพันธุ์ และไม่มีขยะด้วย เราเห็นเค้ามาถ่าย Pre wedding กันด้วยล่ะ มีความพยายามมากจริงๆ

ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วล่ะ เราก็เดินกลับกันทางเดิมแต่ดูเหมือนขากลับเราชิวๆ กว่าเดิม เพราะอาจจะรู้ว่าข้างหน้าทางมันเป็นยังไงแล้วต้องเจออะไรบ้าง พี่ลูกหาบนัดแนะกะเราว่าพอเดินข้ามตรงนี้ๆ ไป เราจะหยุดพักกินข้าวกลางวันกัน เราก็ไม่รู้หรอก เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างเดินกลับเราก็ไม่ได้รอกัน ทางไม่หลงอยู่แล้วถ้าไม่เดินออกนอกเส้นทาง ตอนเดินกลับเราได้เจอกับเพื่อนรีสอร์ทอื่น คุยไปคุยมาก็รู้สึกว่ารีสอร์ทนี่แหละดีสุดละ พี่ๆลูกหาบดูแลเราดีมากจริงๆ เดินคุยกันไปคุยกันมาก็ถึงจุดพักกินข้าว

ชอบไปอีก ใครจะคิดวันนึงเราได้นั่งกินข้าวบนพื้นดินแบบนี้ ชอบๆ

เมนูอะไร ใครรู้บ้าง หลังจากที่เราจัดการกับมื้อเที่ยงของเราเสร็จ เราก็เดินกันต่อ เดินไปเรื่อยๆ มีหลงบ้างนิดหน่อย พอดีมันมีทางแยก เราก็ตามๆ เค้าไป สุดท้ายก็โผล่ออกมาได้ เย่!!!!!

จุดรวมตัวของเรือยางแต่ละรีสอร์ท ใครมาก่อนก็พักก่อน ระหว่างรอพี่ๆ เค้าก็เติมลมยางกันไป พี่ๆ บอกว่าขากลับนั่งเรือยางไม่นานแล้วประมาณ 2 ชม. กว่าก็ถึง เรามีความตั้งใจว่าเราจะนอน เพราะง่วงเหลือเกิน

ระหว่างที่เราล่องเรือกลับนั้นก็มีกลุ่มชาวบ้านมาหาปลาแล้ว ก็มาค้างพักแรมกัน ตามภาพ มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ บางจุดที่เรือผ่าน ตรงไหนที่มีต้นไม้ยื่นขึ้นมากลางน้ำ เค้าก็จะหย่อนเบ็ดไว้ แล้วค่อยมาจับปลา มีพี่คนนึงได้ปลาตัวใหญ่เอาไปทำอาหาร ไม่รู้ว่าชื่อปลาอะไร (หาสาระไม่ค่อยได้เลย) บางช่วงจะมีแก่ง น้ำพัดแรงต้องระวัง ใส่ชูชีพไว้ตลอดยิ่งดี เพราะพี่ที่พายเรือให้เราพลัดตกลงไปตอนเจอแก่ง มุดไปใต้เรือ พอขึ้นมาสีข้างพี่แกถลอก ไม่ควรมองข้ามนะคะ

มีหลายจุดเป็นดงผีเสื้อ ไม่กลัวคนด้วย พอถึงฝั่งเราก็รอรถเพื่อกลับรีสอร์ท เราก็คุยกับคนขับตลอดทาง น้าคนขับบอกว่าพรุ่งนี้เราจะไปดอยหัวหมดกัน (ภาคกลางเรียกว่า เขาหัวล้าน) และก็แวะไปบ้านครูซัน ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าบ้านครูซันคืออะไร เดี๋ยวบอกนะ


เช้าวันต่อมา เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปดอยหัวหมด ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งดอยนี้อยู่ไม่ห่างจากที่พัก นั่งรถของที่พักไปไม่ไกลมาก แล้วเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อย

หลังจากที่เราชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกันที่บ้านครูซัน เป็นร้านขายของฝากของชำร่วย postcard มีร้านกาแฟสดอยู่หน้าร้าน เราเตรียมเงินไปกะเขียน postcard ส่งเพื่อนๆ แต่ . . . ร้านปิด ในเมื่อมันปิดเราก็กลับรีสอร์ทนอนพักอีกนิด แล้วช่วงบ่ายโมงให้รถสองแถวมารับจากรีสอร์ทไปท่ารถแม่สอด

ตอนเที่ยงเราออกมากินข้าวแล้วก็รอรถมารับ แต่รอเท่าไหร่รถก็ไม่มา จนน้าศักดิ์ที่โทรจองรถให้เข้ามาเห็นเราก็ตกใจว่าทำไมยังไม่ไป เพราะว่ามันไม่มีรอบรถแล้วนะ ถ้าหลังจากบ่าย

น้าศักดิ์ : เอ้า! หนู รถยังไม่มารับอีกหรอ บ่ายกว่าแล้วนะ
เรา : ยังไม่เห็นมีรถมาเลยนะคะ (เวรกรรม! จะได้กลับมั้ยละเนี่ย)
น้าศักดิ์ : ทำงานยังหนู พรุ่งนี้ทำงานยัง
เรา : ทำพรุ่งนี้ค่ะ ถึงพรุ่งนี้แล้วก็ทำงานเลย
น้าศักดิ์ : เอ้า! น้าไปจองรถให้ถึงที่เลย แต่ทำไมมันไม่มารับ

แล้วน้าศักดิ์ก็โทรหาท่ารถสองแถวได้ความว่า คนที่น้าติดต่อไว้เค้าโยนไปให้คนอื่นมารับเราแทน เราเค้าก็ลืมมารับเรา

น้าศักดิ์ : เดี๋ยวน้าไปส่งเอง (หลังจากปรึกษากับทางรีสอร์ทแล้ว)
เรา : มันไกลนะคะ
น้าศักดิ์ : ไม่มีรถแล้วหนู ไม่งั้นต้องโบกรถไปเองนะ
เรา : อ่อ งั้นไปค่ะไป
น้าศักดิ์ : (นิ่งไปแป้บนึง) หนู . . . หนูเป็นพวก 18 มงกุฏรึเปล่า
เรา : ไม่เอาไม่พูดไม่เอาไม่พูดไม่เอาไม่พูด ห๊าาาา หนูเนี่ยนะ 18 มงกุฏ หนูจะไปหลอกอะไรน้าเนี่ย นี่มันถิ่นน้านะ มีแต่ป่า ถ้าหนูหลอกน้าแล้วหนูจะหนีไปไหน
น้าศักดิ์ : ก้ไม่รู้ คนกรุงเทพไว้ใจไม่ได้
เรา : หนูคนสมุทรปราการ ไว้ใจได้ค่ะ
น้าศักดิ์ : มันก็ติดกรุงเทพอยู่ดีแหละ
เรา : หนูควรต้องกลัวน้าแทนป่ะ
น้าศักดิ์ : เดี๋ยวไปรับแฟนที่บ้านก่อนนะ ให้เค้านั่งไปด้วย น้าจะได้มีคนคุยตอนกลับ ขึ้นรถกี่โมง
เรา : 2 ทุ่มค่ะ
น้าศักดิ์ : อีกนาน ทันแน่นอน
เรา : งั้นหนูขอแวะบ้านครูซันได้ป่าวค่ะ
น้าศักดิ์ : ได้ เดี๋ยวพาเที่ยว บ้านน้าอยู่ข้างหลังบ้านครูซันเอง
เรา : ขอบคุณค่ะ

บ้านครูซัน เป็นร้านขายของฝาก ใครอยากได้ใบประกาศนียบัตรพิชิต 1,219 โค้ง น้ำตกทีลอซูละก็ มาที่นี่ได้เลย รอรับได้ 20 บาท เราก็ขอเวลาแป้บนึงเพื่อเขียน postcard และแวะซื้อของไปฝากที่บ้าน

หลังจากที่เราแวะซื้อของเสร็จเรียบร้อย น้าศักดิ์ก็พาไปรับแฟนที่บ้าน น้าพิณ แฟนน้าศักดิ์เป็นนางพยาบาลดูท่าทางเป็นคนใจดี เอาหมาปอมเมอรเรเนี่ยนมาให้เล่นระหว่างรอ 

ตลอดทางกลับ เราสามคนนั่งคุยกันตลอดทาง จากที่ฟังครอบครัวของน้าเคยถูกคนหลอกเลยฝังใจมาตลอด เล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังครอบครัวอบอุ่นมีความสุข น้าทั้งสองคนน่ารักมาก มีการหยอกกันทั้งทางเล่าความหลังของทั้งคู่ให้ฟัง เวลาเขินดูน่ารักดี

เราแลกไลน์ เบอร์โทรกัน น้าบอกว่า คราวหน้ามาโทรหาเค้านะ มานอนบ้านเค้าเลยไม่ต้องเสียค่าที่พัก แล้วค่อยเหมารถกันไปเที่ยว แล้วไลน์คุยกันด้วยนะ ก่อนจะส่งเราที่ขนส่งแม่สอด น้าพาไปกินข้าวเย็นก่อนขึ้นรถที่ตลาดโต้รุ่งแม่สอด และวกกลับมาส่งขึ้นรถ เกือบสามชั่วโมงที่นั่งกลับรู้สึกไม่อยากกลับกรุงเทพเลย เรารู้สึกว่าเราไม่เคยเจอคนใจดีแบบนี้ในกรุงเทพเลย ที่นี่น่าอยู่มากเค้าช่วยเหลือเราแนะนำเราตลอด ถ้าใครกลัวว่าการเดินทางคนเดียวมันน่ากลัว ก็ลองมาทริปนี้ดูนะคะ ไกลก็จริงแต่เดินทางง่าย อากาศดี คนที่นี่น่ารัก เป็นมิตรมากๆ

ข้อมูลในการจองรถและที่พักนะคะ ตามนี้เลย Website จองรถทัวร์ : http://www.pns-allthai.com/pns_bs/index.php

Website ที่พักและทริปน้ำตกทีลอซู : http://www.kanyapaktour.com

Tel : 081-972-7973 พี่อาร์ม

ค่าใช้จ่าย

ค่ารถทัวร์ หมอชิต2 – ขนส่งแม่สอด (ไป-กลับ)    628   บาท

:: ค่ารถสองแถว เที่ยวละ                                 130    บาท (ไป-กลับ = 260)

:: ค่าที่พักและแพคเกจเที่ยว (สอบถามโดยตรงกับทางที่พักเลยจ้าาาา)

:: ค่าใช้จ่ายส่วนตัว                                       1,000   บาท

:: จิปาถะ ::

 


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ