เที่ยวอัมพวา 2 วัน 1 คืน ไปพักผ่อนนอนริมคลองแบบชิลล์ๆ กับเน้นเช็คอินหาของกินอร่อยๆ 

อัมพวาเป็นเมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำ ที่เหมาะสำหรับมาเที่ยวพักผ่อนแบบสั้นในช่วงวันหยุด และที่สำคัญอัมพวายังตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ สามารถใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงนิดๆ ก็ได้มาพักผ่อนชิลล์ๆ ริมน้ำกันแล้ว และสำหรับรีวิวนี้เราจะพาไปกิน ไปนอน เช็คอินที่เที่ยวอัมพวากันในช่วงวันหยุดแบบ 2 วัน 1 คืนกัน

---

Day 1 : เราออกเดินทางกันในช่วงสายๆ จากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสถานที่แรกของเราในวันนี้ที่สถานีรถไฟแม่กลอง เมื่อมาชมความสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนกันที่ตลาดร่มหุบ ตลาดนัดกลางแจ้งสุดอันซีนที่จะหุบร่มเก็บของเพียงเสียววินาทีเมื่อมีรถไฟผ่าน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถแวะมาชมได้ทั้งแต่ช่วงเวลา 08.30 น., 11.10 น., 14.30 น. (รถไฟวิ่งเข้าสถานีแม่กลอง) และ 6.20 น., 9.00 น., 11.30 น., 15.30 น. (รถไฟออกจากสถานีแม่กลอง)

จากสถานีรถไฟแม่กลองไปไม่ไกล เราแวะไปหาของกินอร่อยๆ กันที่ตลาดน้ำอัมพวา แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ร้านอาหารที่นี่จึงเปิดน้อย แต่ก็ยังมีร้านอร่อยๆ ให้เราได้ชิมของอร่อยกันหลายร้าน แต่ด้วยความที่หิวแบบจริงจังเลยขอแวะไปหาที่นั่งกินแบบยาวๆ ที่ร้านเปิดใหม่ บรรยากาศเท่ๆ กันหน่อยที่ร้านรัญจวน ร้านอาหารเก๋ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวา

ภายในร้านตกแต่งในสไตล์รัสติก มีข้าวของกระจุกกระจิกตกแต่งตามมุมต่างๆ ให้เป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ส่วนเมนูอาหารที่ร้านนี้ก็มีให้เลือกอร่อยสไตล์สไทยรสชาติฝีมือคุณยาย โดยมีเมนูแนะนำเป็นกุ้งแม่น้ำเผา, ข้าวแห้งเป็ด, น้ำพริกกะปิปลาทูทอด, แกงคั่วหอยแมลงภู่ยอดมะพร้าว และ ยำมะเขือยาว 

กินของอร่อยเติมพลังกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันต่อไปยังวัดบางกุ้ง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวอัมพวา ที่มีประวัติมายาวนาน ไฮไลท์ของวัดนี้คืออุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่างมอง ส่วนภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” (หลวงพ่อนิลมณี) 

หลังไหว้พระเสริมสิริมงคลให้เราชีวิตกันแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยังที่พักของเราในคืนนี้ ซึ่งเราจะเช็คอินกันที่ อสิตา อีโค่ รีสอร์ท ที่พักบรรยากาศกรีนๆ ที่เหมาะสำหรับมาเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุด เพราะที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งโอโซนชั้นดีของเมืองกรุง เหมาะสำหรับมานอนเล่นฟังเสียงธรรมชาติเป็นที่สุด

ห้องพักของที่นี่ตกแต่งได้อย่างเป็นส่วนตัว มีระเบียงริมน้ำให้นั่งพักผ่อนแบบชิลล์ๆ อีกทั้งภายในห้องพักก็มากมายและครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นดี ที่ทำให้รู้สึกว่าอยากนอนกลิ้งอยู่ในห้องจนไม่อยากออกไปไหนเลยทีเดียว 

ช่วงเย็นทางรีสอร์ทก็มีบริการห้องอาหารริมน้ำ บรรยากาศชิลล์ๆ โดยมีเมนูแนะนำเป็น ห่อหมก, ชุดน้ำพริกกะปิ, ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำ และข้าวผัดปลาทู

---

Day2 : เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อลุกมาตักบาตรพระที่จะพายเรือผ่านหน้ารีสอร์ท ซึ่งชุดตักบาตรเราสามารถแจ้งทางรีสอร์ทให้จัดเตรียมไว้ให้ได้เลยตั้งแต่ตอนเช็คอิน ปกติพระจะมาถึงบริเวณหน้ารีสอร์ทช่วงประมาณ 6.30 น.

หลังจากทำบัญตักบาตรเรียบร้อย ก็ถึงเวลาอาหารเช้าพอดี ทางรีสอร์ทก็มีอาหารเช้าแบบเช็ตให้เราได้เลือกรับประทาน ซึ่งเมนูอาหารจะรวมอยู่ในราคาห้องพักเรียบร้อยแล้วจ้า

กินข้าวเรียบร้อยก็ขอเดินเล่นถ่ายรูปกันเพลินๆ แล้วต่อด้วยกิจกรรมเบาๆ อย่างพายเรือชมวิวคลองในรีสอร์ท และปั่นจักรยานชมวิวสวย ซึ่งเป็นกิจกรรมฟรีที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้านั่นเอง

เล่นกันจนเพลินจนถึงเวลาเช็คเอ้าท์ ก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อสำหรับวันนี้จะขอเน้นเช็คอินร้านคาเฟ่นั่งชิลล์ๆ หามุมถ่ายรูปไว้เปลี่ยนโปรไฟล์กันสักหน่อย โดยร้านแรกเราไปกันที่ร้านเอกเขนก ร้านคาเฟ่เล็กๆ ริมทางตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก

นั่งกันเพลินๆ แถมได้รูปจนหนำใจก็เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพกัน แต่ก่อนจะกลับก็แวะไปกินของอร่อยๆ ที่ร้านอาหารซีฟู้ดกันที่ข้าวใหม่ปลามันกันสักมื้อ

สำหรับร้านนี้จะตั้งอยู่ที่นี่โซนอัมพวาใต้ การเดินทางก็สามารถใช้ Google Map นำทางได้เลยไม่มีหลงแน่นอน แถมการตกแต่งร้านออกแบบได้อย่างทันสมัยโดยใช้วัสดุทางธรรมชาติ

และที่สำคัญอาหารที่ร้านนี้อร่อยโดนใจมากๆ โดยมีเมนูแนะนำเป็นปูทะเลไข่นึ่ง 1,000 บาท/1 กิโลกรัม, น้ำพริกกะปิ เสิร์ฟคู่ชะครามและปลาหมอเทศ 150 บาท, ปลาทูแดดเดียว 150 บาท, แกงรัญจวน 220 บาท, แกงคั่วหอยขม 200 บาท และแกงอ่อมกรรเชียงปูชะคราม 400 บาท

สำหรับใครที่กำลังอยากหาที่เที่ยวที่พักผ่อนใกล้ๆ อัมพวาเป็นอีกหนึ่งเมืองพักผ่อนสุดชิลล์ๆ ที่คนมีเวลาน้อยๆ อย่างเราๆ ก็สามารถมาเที่ยวมาพักผ่อนกันได้ และที่สำคัญ อัมพวายังมีร้านอาหารอร่อย บรรยากาศดีหลายร้านให้เราได้เช็คอินกันเพลินๆ ที่รับรองว่ามาอัมพวาทริปนี้ไม่มีคำว่าท้องว่างอย่างแน่นอน…

 

 

---