tripgether.com

3 วัน 2 คืน เที่ยวฮ่องกงเมืองแบรนด์เนม แต่ไม่เน้นช้อปปิ้ง มาใช้ชีวิตชิลล์ๆ กินลม ชมวิวแบบฟินๆ ก็ได้นะ!

5,600 ครั้ง
30 ม.ค. 2561

ฮ่องกง เมื่อเอ่ยถึงเมืองนี้หลายๆ คนมักจะนึกถึงการช้อปป้ิง ซึ่งที่จริงแล้วฮ่องกงก็ยังมีมุมชิลล์ และสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ หลายทีด้วยกันให้เราได้ค้นหาในเมืองตึกระฟ้าแห่งนี้ เราเลยอยากชวนเพื่อนๆ เก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปฮ่องกงสัมผัสมุมใหม่ๆ กันแบบสามวันสองคืนกันดู้ววว์


Day: 1 | BKK – HKG::: วันแรกเราออกเดินทางกันในช่วงบ่ายๆ จากเมืองไทยไปฮ่องกง มีสายการบิน Low Cost หลายเจ้าให้บริการบินตรง ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยกัน เมื่อมาถึงสนามบินด่านแรกก่อนที่เราจะได้เหยียบฮ่องกงแบบเต็มๆ เท้าก็ต้องผ่านด่านของ ต.ม. กันก่อน

หลังจากหลุดจากต.ม.มาได้ เราก็เดินทางไปยังที่พักของเราในคืนนี่ที่ย่าน Shim Sha Shui (จิมซาจุ่ย) กว่าจะมาถึงที่พักก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว เลยเดินเล่นและแวะหาของกินในย่านใกล้ๆ ที่พักก็เจอร้านนี้เลย คนต่อคิวเยอะมาก

เติมพลังกันเรียบร้อยแล้วก็ขอเดินเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนสักหน่อย เลยแวะไปเช็คอินกันต่อที่ท่าเรือวิกตอเรีย เพื่ชมแสง สี พร้อมกับตึกสูงระฟ้าริมแม่น้ำ นอกจากนี้ในช่วงสองทุ่มทุกๆ วันยังมีโชว์การแสดง Symphony of Light ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของฮ่องกงที่ต้องมาชมการยิงแสงเลเซอร์สีต่างๆ ให้เข้ากับจังหวะเพลง

แอบหลงแสงสีเสียงของบรรยากาศของฮ่องกงอยู่พักใหญ่ เราก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักเอาแรงและลุยต่อในวันพรุ่งนี้กันค่ะ


Day: 2 | Lion Rock::: วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าจากจิมซาจุ่ย เราเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปเดินเขา ชมวิวสุดพีคของฮ่องกงกันที่ Lion Rock จาก Shim Sha Shui ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานที Wong Tai Sin ใช้ทางออก E ใครจะแวะเที่ยวไหว้พระที่วัดนี้ก่อนก็ได้เลย เพราะลงมาจากสถานีจะเจอวัดเลย

ไหว้พระขอพรกันเรียบร้อย ก็เดินเท้ากันต่อเลย ซึ่งเส้นทางจะเป็นเนินไล่ระรับขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งจากจุดนี้เราสามารถนั่งรถเมล์ไปลงที่ปากทางขึ้น Lion Rock ได้ แต่ด้วยความฟิตของเท่านั้นเดินทางกันตั้งแต่สถานี  Wong Tai Sin  กันเลยค่ะ

ระหว่างทางขึ้น  Lion Rock มีจุดถ่ายรูปเล่น พักเหนื่อยได้ดีทีเดียวค่ะ

เส้นทางจะค่อยๆ โหดขึ้นเป็นระดับ จากเส้นทางราบจะเริ่มชันขึ้น และยิ่งในช่วงสุดท้ายก่อนจุดจุดชมวิวจะยิ่งชันมากๆ

เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงจุดชมวิวที่สูงที่สุดของ Lion Rock วิวเบื้องหน้าที่ได้เห็นคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยแบบสุดๆ

หลังจากเสพบรรยากาศพีคๆ ของฮ่องกงกันจนอิ่มเอม ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินลงเขากันแล้ว ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงด้านล่างกันแล้วค่ะ เลยหาที่นั่งพักหายเหนื่อย เดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้แบบไม่มีแพลนกันดู

สำหรับช่วงเย็นเราตั้งใจว่าจะไปเก็บอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คที่ Yick Fat Building ซึ่งเคยเป็นโลเคชั่นถ่ายภาพตร์ Transformers ที่มาพร้อมกับมุมถ่ายรูปเท่ๆ สำหรับการเดินทางให้นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Tai Koo ใช้ทางออก B เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอซอยลัดไปยังสวนสาธารณะ หากหาไม่เจอให้เปิดภาพให้คนแถวนั่นดู จะมีคนแนะนำเส้นทางให้ไม่หลงไม่แน่นอน

คำแนะนำสำหรับคนที่จะเดินขึ้น Lion Rock ให้เตรียมอาหารง่ายๆ เช่นเบอเกอร์ ขนมปังติดไป เพราะระหว่างทางไม่มีอะไรขายเลย และที่สำคัญมากๆ คือน้ำเปล่า ควรเตรียมไปให้เยอะที่สุดเท่าที่จะถือไหวเพราะระยะทางค่อนข้างไกล และอีกข้อรองเท้า เสื้อผ้าควรเป็นผ้าเบาสบาย ซับเหงื่อง่าย


Day: 3 | Ngong ping::: วันสุดท้ายที่ฮ่องกง วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเมื่อเตรียมไปขึ้นกระเช้าที่ Ngong ping  ซึ่งก่อนที่เราจะเดินทางได้ทำการจองตั๋วออนไลน์ผ่าน KLOOK มาเรียบร้อยแล้ว กระเช้าจะมีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ Standard Cabin  และ Crystal Cabin กระเช้าพื้นกระจกใสใครที่อยากเพิ่มความเสียวและชมวิวแบบ 360 องศาต้องไม่พลาดเลย

กระเช้าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร

ถึงแม้จะจองตั๋วออนไลน์มาแล้ว แต่ก็ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียวเพื่อขึ้นกระเช้าไปชมความสวยงามที่หมู่บ้านนองปิง

เมื่อมาถึงหมู่บ้านนองปิงก็เดินชิลล์ๆ ชมบรรยากาศแบบเพลินๆ

และขึ้นไปถ่ายพระใหญ่ทินถ่าน การจะขึ้นมานมัสการองค์พระต้องผ่านบันได 268 ขั้นเสียก่อน พระใหญ่นี่มีความสูงถึง 34 เมตร สร้างจากทองสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

หลังจากไหว้พระใหญ่ทินถ่าน ขอพรให้สมหวังเรื่องต่างๆ กันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพกันในช่วงเย็นแล้วล่ะ เอาเป็นว่าฮ่องกงเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เดินทางมาเที่ยวได้ง่ายๆ แม้จะมีเวลาท่องเที่ยวแบบจำกัดแค่วันหยุดสุดสัปห์ดาก็มาได้ และที่สำคัญที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ที่นอกเหนือจากการมาช้อปปิ้งอีกด้วยนะเออ

 

**สำหรับคนไทยน่าจะเป็นเรื่องปกติที่จะโดนเรียก เพราะวันที่เราเดินทางนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่โดนถามประวัติจะเป็นคนไทยเกือบ 75% ทีเดียว ซึ่งแต่ละกลุ่ม แต่ละกรุ๊ปก็จะใช้เวลาในการสัมภาษณ์นานต่างกัน โดยมีคำถามหลักๆ ประมาณนี้ มาทำอะไร, เที่ยวที่ไหนบ้าง, พกเงินมาเท่าไหร่, พักที่ไหน, ทำงานอะไรที่เมืองไทย ฯลฯ ทริคเล็กๆ สำหรับด่านต.ม. แนะนำให้พิมพ์แพลนเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษติดมือมาค่ะ เอกสารไฟล์บิน เอกสารจองห้องพักในแต่ละคืน เพราะเจ้าหน้าที่จะถามหาแน่นอน ยื่นให้เลยเพื่อแสดงเจตนาว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ก็จะผ่าน ต.ม.มาได้เร็วขึ้น…

**การเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดของฮ่องกงคือรถไฟใต้ดิน แนะนำให้หาซื้อบัตร Octopus สำหรับนักท่องเที่ยวติดไว้ได้เลยค่ะ จะประหยัดเงินต่อเที่ยวในการเดินทางและไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถวซื้อบัตรกันบ่อยๆ และในวันเดินทางกลับให้นำบัตรมาคืนเพื่อจะรับเงินค่ามัดจำและเงินที่เหลือในบัตรคืนค่ะ


ผู้เขียน

admin tripgether
สัญญาว่าจะเที่ยวให้ดีที่สุด!!

เรื่องที่คุณอาจสนใจ